วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สระน้ำตามหลักฮวงจุ้ย


สระน้ำ หรือบ่อน้ำที่ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ของบ้านก็เป็นส่วนสำคัญต่อฮวงจุ้ยของ บ้าน และส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยภายในบ้านได้ทั้งในทางบวก หรือในทางลบ

รูปทรงของสระน้ำที่ดี
1. สระน้ำ หรือบ่อน้ำ หรือสระน้ำพุที่เป็นรูปทรงกลม และมีขอบรอบสระน้ำที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ใกล้อาคารบ้านเรือนจะส่งผลทำให้ เกิดโชคลาภเพิ่มพูนขึ้นแก่ผู้อยู่อาศัย และเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งต่อผู้ประกอบกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทางด้านการเงิน
2. สระน้ำพุ หรือบ่อน้ำพุที่เป็นรูปทรงกลม และมีขอบรอบสระน้ำที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ใกล้กับโรงงานจะส่งผลทำให้คนงานใน โรงงานมีจิตใจสงบ มีขวัญกำลังใจดี และมีความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ทำให้มีกำลังผลิตเพิ่มมากขึ้น และกิจการมีความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง
3. สระน้ำพุ สระว่ายน้ำ หรือบ่อน้ำที่มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า และตั้งอยู่ในระยะที่ห่างจากอาคารบ้านเรือนพอสมควรจนพลังหยินไม่สามารถจะก่อ กวนผู้อยู่อาศัยได้ ลักษณะเช่นนี้มีความทำให้ผู้อยู่อาศัยมีโชคมีลาภ
4. สระน้ำ ที่เป็นรูปทรงคล้ายขนมใส่ไส้รูปสามเหลี่ยมจะทำให้ผู้อยู่อาศัยภายใน บ้านเรือนมีธุรกิจการงานที่ไม่มั่นคงเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่จะกลับเป็นผลดีต่อผู้มีอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง

รูปทรงของสระน้ำที่ควรเลี่ยง
1. สระน้ำ บ่อน้ำ หรือสระน้ำพุที่มีรูปทรงคล้ายเป็นลำแขนอุ้มกะละมังใส่น้ำ (เป็น 2 สระตั้งอยู่ใกล้กัน) ตั้งอยู่หน้าอาคารบ้านเรือนลักษณะเช่นนี้ในทางวิชาฮวงจุ้ยกล่าวว่าเป็น ลักษณะที่ไม่เป็นมงคลจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเกิดเป็นโรคตาได้ง่าย และยังทำให้ผู้หญิงผู้มีครรภ์มีสุขภาพที่ไม่ดี และอาจแท้งบุตรได้
2. สระน้ำพุ สระว่ายน้ำ หรือบ่อน้ำที่เป็นรูปทรงกลมที่มีน้ำลึกขุ่น และสกปรกจะเป็นอัปมงคลต่อผู้อยู่อาศัยในอาคารบ้านเรือนทำให้มีสุขภาพไม่ดี เป็นโรคปอดได้ง่าย และยังเป็นเหตุที่ทำให้เด็กเล็กในบ้านตกน้ำตายทุกรุ่น
3. สระน้ำที่เป็นรูปจันทร์เสี้ยวที่หันส่วนโค้งเข้าหาตัวอาคารบ้านเรือนจะทำให้ ผู้อยู่อาศัยในบ้านเรือนมีชีวิตที่ไม่ค่อยจะเป็นสุข และโชคลาภเสื่อมถอย
4. สระน้ำที่เป็นรูปทรงคล้ายรูปทรงของผลน้ำเต้า จะทำให้ผู้อยู่อาศัยภายในอาคารบ้านเรือนมีเคราะห์ร้าย ประสบอุบัติเหตุได้ง่าย และมีสุขภาพที่ไม่ค่อยจะดี
อย่างไรก็ดีน้ำเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ได้รับพลังจากธรรมชาติได้ดีมากถ้าจัดวางอย่างถูกหลัก แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องให้น้ำไหลรินอย่างนุ่มนวล เสียงน้ำที่กระทบกระทั่งรุนแรงเป็นเสียงที่เร่งเร้าจิตใจเกินไป นอกจากจะทำให้เกิดบรรยากาศที่ไม่สงบแล้ว ยังขับไล่พลังที่ดีให้หายไปได้ บางตำราว่าน้ำตกควรจะไหลเข้าสู่ตัวบ้าน ไม่เช่นนั้นจะทำให้เงินทองไหลออกได้นะครับ เพราะน้ำเป็นตัวแทนของการเงินอยู่แล้ว สิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมก็คือ สระน้ำหรือบ่อน้ำควรมีปั๊มน้ำเพื่อช่วยให้น้ำมีการหมุนเวียนที่ดีเสมอ ให้เป็นบ่อน้ำเป็น


บทความ อ . ตั้ม ศรีนเรศพยากรณ์

สนับสนุนบทความดีๆ โดย www.thaiorc.com

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กระจกเงา ส่องตัว เสริมฮวงจุ้ย เพิ่มพลังของบ้านให้ดีขึ้น


กระจกเงา คือ สิ่งที่เราไว้ส่องดูเงาสะท้อนของตัวเอง ดูหน้าตา รูปร่าง การแต่งกาย ความเรียบร้อย แถมยังช่วยเสริมความมั่นใจ ประโยชน์ของกระจกไม่เพียงเท่านี้นะค่ะ ตามตำราฮวงจุ้ย กระจกมีความสำคัญเป็นอย่างมาก สามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางและ เพิ่มอัตราความเร็วของกระแสพลัง ส่วนขจัดสิ่งที่ไม่ดี และเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้ แต่หากว่าใช้กระจกไม่ถูกต้อง วางไว้ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม ก็ย่อมจะทำให้เกิดผลเสีย กระจกจึงเป็นดาบสองคม ถ้าใช้ดีก็ได้ผลดี ถ้าใช้ไม่ถูกย่อมได้ผลตรงกันข้าม มีขอแนะนำเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับกระจก เพื่อจะได้เสริมฮวงจุ้ย เพิ่มพลังของบ้านให้ดีขึ้น มีดังนี้ค่ะ
  • ไม่ควรวางกระจกไว้ตรงกลางบ้าน และไม่ควรวางกระจกในห้องรับแขก เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด
  • ไม่ควรวางกระจกสองบานไว้ตรงข้ามกัน เพราะจะทำให้กระแสพลังสะท้อนกลับไปมา สับสน
  • ไม่ควรวางกระจกไว้ตรงข้ามหน้าต่าง เพราะถ้าหาก นอกหน้าต่างนั้น มีบ้านหลังอื่นอยู่ จะทำให้เกิดแสงสะท้อนรบกวนเพื่อนบ้านได้
  • ไม่ควรวางกระจกให้ส่องไปที่หัวเตียง จะส่งผลกระทบในด้านลบ เช่น ทำให้ไม่สบาย สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง นอนไม่หลับ โบราณเชื่อว่า หากกระจกสะท้อนไปที่เตียงจะสามารถเรียกวิญญาณได้
  • กระจกไม่ควรสะท้อนไปยังกระตูบานใดบานหนึ่ง จะทำให้คนในครอบครัวทะเลาะเบาะแว้งกัน มีสุขภาพไม่แข็งแรง เป็นการสะท้อนโชคลาภให้ออกไป
  • กระจกที่แขวนในบ้านต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะให้ผู้ส่องกระจกมองเห็นบริเวณศีรษะทั้งหมดได้
  • ในห้องน้ำจำเป็นต้องมีกระจกขนาดใหญ่ จะได้สะท้อนสิ่งสกปรกออกไปข้างนอก ทั้งยังทำให้ห้องกว้างขึ้นอีกด้วย
ว่าแล้วก็ลองสังเกตกันดูนะค่ะ ว่าตอนนี้บ้านของเราวางกระจกถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยหรือยัง ถ้ายังไม่ถูกต้องก็ลองเปลี่ยนตำแหน่งการวาง เปลี่ยนมุมดูนะค่ะ ไม่แน่เรื่องร้ายๆอาจจะกลายเป็นดี หรือเรื่องที่ดีอยู่แล้วอาจจะดีขึ้นไปอีก จัดตำแหน่งการวางกระจกแล้ว ก็อย่าลืมทำความสะอาด เช็ดกระจกให้แวววาวอยู่เสมอนะค่ะ

บทความจาก บ้านไอเดีย

สนับสนุนบทความดีๆ โดย www.thaiorc.com

มองคนละมุม


มองคนละมุม ย่อมได้ผลลัพธ์คนละอย่าง

..คนเราย่อมมีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย ให้รู้จักมองส่วนดีในคนที่ไม่ถูกใจบ้าง เพราะไม่มีใครที่จะเป็นคนดีหมดจด100% หรือเป็นคนชั่วสุดอัปรีย์แบบกลับตัวไม่ทัน

วันนี้ให้แบบฝึกหัดชีวิตกับตัวเองด้วยการทบทวนดูว่าค...นรอบข้างที่เรา "ไม่ชอบ" หรือ "ไม่อยากคบ" นั้นมี "สีขาว" ในมุมใดบ้าง เพื่อนร่วมงานที่เบื่อหน้าและเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจอาจเป็นคุณแม่คนดีที่เสียสละทุกอย่างได้เพื่อลูก เจ้านายจอมบงการที่ไม่คิดถึงหัวอกคนทำงาน อาจเป็นคนมีน้ำใจได้อย่างเหลือเชื่อนอกเวลาทำงาน.................

มาให้โอกาสคนที่เราตัดสินใจว่า "ไม่ดี" ด้วยการใช้หลัก "มองต่างมุม" และท้าทายตัวเองด้วยการค้นหา "ส่วนสีขาว" ของคนที่เราไม่ชอบหน้า

เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกใบนี้ และยังต้องสร้างความสัมพันธ์กับคนในสังคมเพื่อให้เกิดความสมดุลแห่งการใช้ชีวิต การมองโลกในแง่ดีด้วยการพยายามมองด้านบวกของคนอื่น จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้มีชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข.......

"การเปลี่ยนมุมมองของตัวเองจึงน่าจะง่ายกว่าตั้งหน้าตั้งตาเปลี่ยนพฤติกรรมของคนอื่นให้ถูกใจเรา"
 
 
สนับสนุนบทความดีๆ โดย www.thaiorc.com

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สีเล็บบอกนิสัย


เคยถามตัวเองบ้างไหมว่า ทุกครั้งที่คุณเลือกสีเล็บนั้นขึ้นอยู่กับอะไร อารมณ์ ความรู้สึก หรือความชอบส่วนตัว เราอยากบอกว่า ‘สี’ ของยาทาเล็บนั้นสามารถบ่งบอกนิสัยของคุณได้จริงๆ

สีขาวหรือครีม คุณเป็นสาวที่แข็งนอกอ่อนใน ชอบการแข่...งขันแต่ไม่ชอบความรุนแรง มีความร่าเริงอยู่เป็นนิจ และเป็นคนที่เก็บความลับได้ ส่วนมุมมองในเรื่องความรัก ค่อนข้างระวังตัวสักหน่อย ไม่ตกหลุมรักใครง่ายๆ เพราะถ้าคุณเจอคนที่ใช่แล้ว คุณจะสู้เพื่อที่จะให้ ได้คนที่รักมา

สีเขียว สาวมั่นตัวจริงมาแล้ว คุณเป็นสาวที่กล้าแสดงออกทางความคิด ไม่ก้าวร้าว แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาชักจูงได้ง่ายๆ รักอิสระ และมักหาความเพียบพร้อมในเรื่องความรัก สาวที่ชอบทาเล็บสีเขียวจึงค่อนข้างจะอยู่เป็นโสดเสียมากกว่า

สีเมทาลิก สาวที่มองโลกในแง่ดี ค่อนข้างขี้อาย แต่เป็นคนที่ชอบความเปลี่ยนแปลง ชอบของแปลกๆ หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ มักมองโลกในแง่ความเป็นจริง ไม่เพ้อฝัน ส่วนเรื่องความรักนั้นไม่ขอเป็นสองรองใคร ถ้าคุณไม่ได้คนที่คุณรัก คุณก็จะไม่สนใจใครเลย

สีแดง สดใส ร่าเริง เป็นคำนิยามของสาวที่ชอบทาเล็บสีแดงแต่ในบางคราว คุณก็อาจจะรู้สึกซึมเศร้าบ้าง คุณเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี เป็นคนคบง่าย ส่วนความรักคุณค่อนข้างจะเป็นสาวช่างเลือก แต่ก็แปลกที่ชอบแอบไปเผลอหลงรักคนอื่นได้ง่ายมากๆ

สีชมพู สาวหวานตัวจริง มีนิสัยเด็ก ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองร่าเริงยิ้มแย้มแจ่มใสทุกวัน ชอบแต่งตัว มองโลกด้วยแววตาที่ใสบริสุทธิ์ แต่ก็เป็นคนไม่ยอมใคร ไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบและเรื่องความรักก็อยากให้เป็นดั่งนิยายที่จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง

สีฟ้าหรือน้ำเงิน เป็นคนที่มีหัวครีเอทีฟ แต่ค่อนข้างจะเรื่องมากจู้จี้จุกจิก เจ้าระเบียบ เป็นคนที่เรียนรู้และปรับตัวไว แต่อ่อนไหวง่ายในเรื่องความรัก มักจะสับสนในหัวใจว่ารักใครกันแน่ กว่าจะหาเจอว่าใครเป็นตัวจริง ก็มักจะโดนสุนัขคาบคนรักไปรับประทานเสียแล้ว

สีส้ม เป็นสาวทำงานตัวจริงเสียงจริงที่มีความรับผิดชอบในงานสูง ชอบการแข่งขัน ยิ่งอะไรที่ต้องต่อสู้ฝ่าฟันมาได้จะรู้สึกภูมิใจมาก มีเพื่อนน้อย แต่เป็นเพื่อนแท้ ส่วนเรื่องความรักก็ไม่ชอบอะไรที่ได้มาง่ายๆ เพราะจะไม่ค่อยเห็นคุณค่า

สีเหลือง เพราะเป็นสาวที่มองโลกในแง่ดีจนเกินไปจึงค่อนข้างหูเบา และอาจจะโดนหลอกง่ายๆ แต่คุณก็มีเพื่อนฝูงที่รักกันจริง เป็นแม่ศรีเรือน ชอบเข้าครัวเป็นแม่บ้าน และยินยอมที่จะเป็นช้างเท้าหลังให้แฟน รักคนง่ายแต่ก็รักแล้วรักเลย ไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ

ไม่ว่าจะสีอะไร ขอให้ดูสะอาดตาเป็นดีที่สุดค่ะ หากปล่อยให้สีที่ทาอยู่บนเล็บหลุดและไม่ล้างออกก็จะบ่งบอกถึงความไม่ใส่ใจ ในสิ่งต่างๆ ค่ะ


สนับสนุนบทความดีโดย www.thaiorc.com

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เลือกสีออฟฟิศ ให้ถูกโฉลกกับฮวงจุ้ย



  • ธุรกิจที่เกี่ยวกับการศึกษา การใช้ความคิด งานหนังสือ นักเขียน นักบัญชี เป็นธุรกิจธาตุไม้ สีที่ถูกโฉลกกับออฟฟิศ ควรนำมาตกแต่งคือ สีเขียว

  • ธุรกิจที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน งานเกษตรกร การทำเบเกอรี่ ขนม งานที่ต้องแรงงาน เป็นธุรกิจธาตุดิน สีที่ถูกโฉลกคือ สีเหลือง

  • ธุรกิจที่เกียวกับการบริการ ความสวยความงาม การท่องเที่ยว งานบันเทิง ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำ เป็นธุรกิจธาตุน้ำ สีที่ถูกโฉลก คือสีดำ สีน้ำเงิน สีฟ้า

  • ธุรกิจที่เกี่ยวกับเทรดดิ้ง ที่ทำงานลักษณะพ่อค้า การค้าขาย บริษึมที่ปรึกษาการลงทุน เป็นธุรกิจธาตุทอง สีที่ถูกโฉลก เหมาะสำหรับออฟฟิศคือ สีทอง สีเงิน สีขาว สีที่มีความมันวาวเป็นประกาย

  • ธุรกิจที่เกี่ยวกับการแสดง สื่อสารมวลชน การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ธุรกิจเกี่ยวกับไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ไอที เป็นธุรกิจธาตุไฟ สีที่ถูกโฉลก ใช้ตกแต่งออฟฟิศคือ สีแดง สีเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นนะค่ะ ที่อาจจะทำให้ธุรกิจเราก้าวหน้ามากขึ้น ในการทำธุรกิจนั้น ต้องมีปัจจัยหลายๆอย่างมากกว่านี้ ทั้งการวางแผน การตลาด การประชาสัมพันธ์

  • สนับสนุนบทความดีๆ by  www.thaiorc.com

    วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

    จัดสวนให้ถูกฮวงจุ้ย

    

    1. ตำแหน่งสวนควรอยู่ทางทิศตะวันออก ด้วยเหตุผลที่ว่าทิศตะวันออกเป็นทิศที่พระอาทิตย์
    ขึ้น แสงแดดในยามเช้าจะช่วยส่งเสริมต้นไม้ให้มีความงอกงามและเขียวสด เพราะเป็นแสงที่ไม่แรงจน
    เกินไป

    2. สวนต้องครบองค์ประกอบของธาตุทั้ง 5 คือ น้ำ ไม้ ไฟ ดิน และทอง สวนที่ดีจะต้องประกอบไปด้วย ต้นไม้(ธาตุไม้) น้ำตก น้ำพุ อ่างบัว บ่อปลา(ธาตุน้ำ) แสงแดดส่องถึง(ธาตุไฟ) มีดินที่สมบูรณ์(ธาตุดิน) และที่สำคัญจะต้องมีการตกแต่งสวนอย่างสวยงาม(ธาตุทอง)

    3. น้ำตกในสวนจะต้องหันหน้าน้ำตกเข้าบ้านเสมอ "หน้าน้ำตกจะต้องหันเข้าบ้าน ห้ามหันออก นอกบ้าน" เพราะการหันออกนอกบ้าน จะหมายถึงการเงินไหลออก เพราะน้ำแทนความหมายของโชคลาภการเงิน นั่นเอง นี่เป็นกฎเกณฑ์ที่จะต้องจำไว้ในการแต่งสวน

    4. บ่อน้ำ สระน้ำ รูปทรงต้องไม่ร้าย การขุดบ่อน้ำ หรือสระน้ำในสวนนั้น สิ่งที่จะต้องคำนึงถึงจะเป็นเรื่องของรูปทรงของสระนั้น ในทางฮวงจุ้ยจะให้ใช้รูปทรงที่ไม่ทำร้ายคนในบ้าน เช่น รูปทรงที่เป็นสี่เหลี่ยม รูปทรงขนมเปียกปูน สามเหลี่ยม เป็นต้น ควรใช้รูปทรงโค้งมน หรือวงกลม จะถือว่าดีที่สุด
    5. ก้อนหิน การนำก้อนหินมาตกแต่งสวนจะต้องระวังให้มาก โดยเฉพาะก้อนหินใหญ่ เพราะในทางฮวงจุ้ย "ก้อนหิน" จะหมายถึงอุปสรรค การเลือกก้อนหินในการแต่งสวนจะต้องเลือกก้อนที่มีลักษณะกลมมน ห้ามเป็นเหลี่ยมคม หรือมีมุมแหลม ก้อนหินที่มีรูก็จะเป็นลักษณะต้องห้ามเช่นกัน ตำแหน่งในการวางส่วนใหญ่จะวางบริเวณมุมบ้าน ห้ามวางไว้หน้าบ้าน หรือบริเวณที่ตรงกับประตูบ้าน

    6. บ้านเล็ก ห้ามปลูกต้นไม้ใหญ่ บ้านที่มีขนาดเล็ก มีพื้นที่จำกัดในการจัดสวน อย่างบ้านทาวน์เฮ้าส์ ห้ามเอาต้นไม้ใหญ่มาปลูก เพราะจะก่อผลเสียมากกว่าผลดี สิ่งที่มองเห็นได้ชัดก็คือ ต้นไม้ใหญ่จะทำลายฐานบ้าน และกิ่งก้านของต้นไม้ยังทำลายตัวบ้านอีกด้วย

    7. หลีกเลี่ยงไม้หนามในการแต่งสวน เรื่องต้นไม้ที่มีหนามแหลม เพราะหนามที่แหลมคมจะส่งผลกระทบต่อคนในบ้านได้

    สนับสนุนบทความดีๆ โดย http://thaiorc.com/

    วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

    ความเชื่อ ลางบอกเหตุ โชคดีหรือลางร้าย

     จิ้งจกร้องทัก ห้ามออกจากบ้าน

    เรื่องตุ๊กแกร้องทักก็เป็นลางบอกร้ายยอดฮิตเลยนะคะ เรามักจะไม่ค่อยได้ยินเสียงจิ้งจกร้องมากนัก จะเป็นเพราะมีจำนวนน้อย หรือบางบ้านไม่มีให้เห็นเสียแล้ว หรือไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านมากนัก จึงไม่ได้ยินเสียงของมัน ตามคำเชื่อของคนโบราณกล่าวว่า หากจิ้งจกร้องทัก จะกี่ครั้งก็ตาม ทว่าเสียงนั้นอยู่ด้านหลังหรือตรงศีรษะของคุณ ให้พยายามเลื่อนการเดินทางเป็นเวลาอื่น อาจจะเป็นภายในวันเดียวกันก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานั้น เพราะอาจทำให้ คุณได้รับอุบัติเหตุหรือไม่มีโชคลาภ แต่หากเสียงร้องทักอยู่ด้านหน้า หรือซ้ายมือ ให้เดินทางได้ จะทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวกสบาย จะได้พบโชคลาภ หรือติดต่อธุรกิจเป็นผลสำเร็จ


    นกแสกเกาะหลังคาบ้าน เกิดลางร้าย

    นกแสกเป็นนกที่ถือว่า ให้ความอัปมงคลเป็นอย่างยิ่ง ไม่แต่เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่ถือในเรื่องนี้ ฝรั่งเองก็ถือเคล็ดนี้เช่นกัน ก็เพราะโดยธรรมชาติของนกแสก มักจะไม่มาปะปนอยู่ตามที่อยู่อาศัยของคนให้เห็นบ่อยนัก หากเมื่อใดมีนกแซกมาเกาะที่หลังคาบ้านใดแล้ว ก็มักจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับเจ้าของบ้านนั้น เช่น คนที่กำลังป่วยอยู่ก็อาจเสียชีวิตก็ได้ จึงมักจะมีคนนิยมแก้เคล็ดให้ร้ายกลายเป็นดี ด้วยการนำเอาดอกไม้ ธูปเทียน สุรา บอกเล่าก็พอแล้ว คนโบราณบางท่านที่เคร่งมาก ๆ ก็อาจเพิ่มด้วย ข้าวสาร ข้าวตอก ผ้าแดง ผ้าขาวและเงินทอง


    นกถ่ายรดศีรษะ

    แสดงว่าาคุณจะมีโชคร้ายปกติแล้วนกนี่มันก็บินไปทั่ว ถ้าไม่ใช่นกเลี้ยง จะชอบมาบินเกาะบนท้องฟ้า ไม่ชอบมาอยู่กับคนเท่าไหร่ และเมื่อใดที่คุณกำลังจะออกเดินทางแล้ว จู่ ๆ นกก็ถ่ายรดที่ศีรษะ คนโบราณว่าไว้ ให้หยุดการเดินทางทันที หรือเลื่อนกำหนดออกไปวันรุ่งขึ้น ไม่เช่นนั้นอาจได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุได้ ในกรณีเดียวกัน หากอยู่ในบริเวณบ้าน นกบินมาถ่ายรดศีรษะซึ่ง โอกาสจะมีน้อยมาก แต่หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ให้เตรียมตัวรับเหตุการณ์ได้เลยเพราะจะต้องมีเรื่องเดือดร้อนใจ หรือเกิดเหตุร้ายกับตัวเองแน่นอน


    เมื่อตัวเงินตัวทองคลานเข้าบ้าน

    บ้านใดที่มีต้นไม้มาก ๆ นั้น จะมีที่ที่ตัวเงินตัวทองมักจะปรากฎให้เห็นตามที่ดังกล่าว มักจะไม่คลานในที่โล่งแจ้ง และก็หาแหล่งที่มาไม่พบอีกด้วยว่ามาจากที่ใด เพราะในหมู่บ้านกลางเมืองก็ยังมีปรากฎให้เห็นบ้าง ลักษณะตัวเงินตัวทอง บางคนว่าคล้ายจระเข้ แต่มีหางยาวมาก มีขนาดตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ เท่าจิ้งเหลน ไปจนถึงตัวโดมาก ๆ เท่ากับลูกจระเข้เลยทีเดียว ปกติตัวเงินตัวทองนี้จะไม่ทำร้ายใคร แต่คนโบราณท่านว่าเป็นตัวอัปมงคลอยู่ดี จึงมีการเปลี่ยนชื่อเรียกเสีย เพราะถือเป็นการแก้เคล็ด หากบ้านใดมีเข้ามาให้เห็น ท่านว่าให้พูดแต่สิ่งดี ๆ ไม่ให้ไล่ บางท่านก็ให้หาดอกไม้ธูปเทียนจุดบอกเล่าให้กลายเป็นการนำเอาสิ่งดี ๆ เข้ามาในบ้าน


    กลางคืนได้ยินเสียงร้องเรียก ห้ามขานรับ

    ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้สะดวกเหมือนในปัจจุบัน ค่ำลงต่างคนก็ต่างดับตะเกียงปิดฟงปิดไฟกันเลย คนโบราณท่านกล่าวไว้ว่า หากเข้าบ้านแล้วมีเสียงคนมาร้องเรียกให้เงียบเสีย เพราะนั่นเป็นเสียงของดวงวิญญาณ อาจจะมาหลอกมาหลอนก็เป็นได้ แต่หากมองกันให้ลึกลงไปอีก อาจเป็นการป้องกันขโมยมาเข้าบ้านในยามวิกาลก็เป็นได้ เพราะขโมยอาจมาหลายรูปแบบ บางคนก็ว่า หากมีเสียงเรียกแล้วยังขานรับ จะถือว่าเป็นการรับให้วิญญาณนั้นเข้ามาในบ้านได้


    เลือกก้าวเท้าก่อนออกจากบ้าน

    ก่อนออกจากบ้าน เพื่อไปทำธุรกิจหรือพบปะผู้คน โบราณท่านว่าไว้ ให้ดูฤกษ์ยามก่อนออกจากบ้านเสียก่อน เพราะนอกจากเวลาเที่ยงแล้ว ควรดูด้วยว่าจะไปทำการใดจึงจะมีความสำเร็จได้ ควรก้าวเท้าไหนออกจากบ้าน


    ผึ้งทำรังในบ้าน มีโชค

    โดยธรรมชาติแล้วนะคะ ผึ้งจะทำรังตามต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นหนาแน่น และอยู่ในที่สงบไม่พลุกพล่าน แต่เมื่อใดที่ผึ้งมาทำรังในบ้านจะเป็นชายคาบ้าน ใต้หลังคาบ้าน บางบ้านมีผึ้งมาทำรังถึงห้องน้ำก็มี ท่านว่าไว้ว่า อย่าไปไล่หรือทำลายเด็ดขาด จะทำให้เกิดความหายนะขึ้นกับครอบครัวนั้น เพราะผึ้งเป็นสัตว์นำโชค ให้ปล่อยผึ้งทำรังต่อไป เชื่อกันว่า ยิ่งรังใหญ่มากเท่าใด ก็จะมีโชคลาภมากขึ้นเท่านั้น และควรจุดธูปเทียนบูชา รวมทั้งดอกไม้ เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย


    มีกลิ่นธูป หมายถึงวิญญาณ

    ในสมัยก่อนมีความเชื่อว่าถ้าเราได้กลิ่นธูป ในยามวิกาล โดยที่ไม่มีใครจุดธูปในบริเวณนั้น ๆ เลย คนโบราณเชื่อกันว่า เป็นวิญญาณของญาติสนิทภายในครอบครัวมาหา จะเป็นเพราะคิดถึง ห่วงใยกันหรือด้วยเหตุใดก็ตาม ให้คนที่ได้กลิ่นธูปนั้น จุดธูป 1 ดอก บอกเล่าให้ไปที่สงบ ๆ อย่ากังวลสิ่งใดที่จะทำให้วิญญาณไม่สงบสุขเลย บางคนอาจขอพรจากวิญญาณญาติสนิทนั้นให้ปกปักรักษา และให้โชคลาภด้วย แต่หากไม่มีญาติสนิทในระยะนั้นเสียชีวิต ก็เชื่อกันว่า อาจจะเป็นวิญญาณพเนจรทั่วไป ก็ให้จุดธูปเช่นเดียวกันบอกเล่าว่า อย่ามารบกวนให้กลัว ให้ไปที่ชอบที่สงบ และนิยมใส่บาตรแผ่ส่วนกุศลให้ในวันรุ่งขึ้นด้วย


    ตาเขม่น

    เรื่องตาเขม่นนี้ก็สามารถเป็นลางบอกเหตุเช่นกันค่ะ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยเป็นกันนะคะ ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปาก แขน ขา หรือแม้กระทั่งตา ดังนั้น การเขม่นตาจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงคือ
    หากเขม่นตาในช่วงเช้า - บ่าย คนโบราณกล่าวไว้ว่า หากเป็นข้างขวาจะมีโชค ลาภ ได้รับข่าวดี เรียกว่า จะสมหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่คอย และหากเขม่นที่ตาซ้าย ท่านว่าจะมีเคราะห์ โชคร้ายผิดหวังเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน เช่น มีการทะเลาะกันเกิดขึ้น หรือจะต้องสูญเสียของรักบางอย่างไป
    หากเขม่นตาในช่วงเวลาเย็น ไม่ว่าจะเป็นข้างซ้ายหรือข้างขวา ถือว่ามีโชคมีลาภ จะได้พบญาติสนิทมิตรรักเดินทางมาหา
    หากเขม่นตาในช่วงกลางคืน การเขม่นตาขวาจะไม่ดี จะมีเคราะห์มีเหตุร้ายเกิดขึ้น ถ้าหากเขม่นตาซ้ายจะมีโชคลาภจากเพื่อน จะสมหวังสิ่งที่รอคอย เรียกว่า ขวาร้าย-ซ้ายดี
    การเขม่นตานี้ เชื่อกันว่า เป็นลางบอกเหตุที่แม่นยำมาก ท่านให้ถือเวลาที่จะเกิดเหตุไม่ดีและร้ายภายใน 3 วันอย่างแน่นอน


    ติดตามอ่านนิมิต เคล็ดลาง ความเชื่ออื่นๆ ได้ที่ http://horoscope.thaiorc.com/premonition/

    พิธีสืบชะตา

    โบราณมีคำสอนและพิธีกรรมหลากหลาย เพื่อให้ผู้คนรุ่นปู่-ย่า รวมถึงลูกหลาน ได้อยู่ดีมีสุขกันถ้วนหน้า แต่หลายคนยังอาจไม่เข้าใจกับคำว่า 'สืบชะตาคน' การสืบชะตามีสืบทอดพิธีกรรมกันมายาวนานแล้ว และมักกระทำในวันสำคัญของบุคคล เช่น วันคล้ายวันเกิด วันได้รับยศหรือศักดิ์ วันขึ้นบ้านใหม่ หรือไม่ก็กระทำเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย หรือมีเคราะห์ร้าย การสืบชะตาจึงไม่มีช่วงเวลาที่อิงกับเทศกาล หรือฤดูกาลใดๆ

    ความหมายของการสืบชะตาคือ การต่ออายุ เป็นพิธีกรรมที่กระทำตามความเชื่อว่า ถ้าทำแล้วอาการป่วย หรือเคราะห์ร้ายจะบรรเทาลง และจะมีสุขภาพดีขึ้น มีความสุขความเจริญยิ่งขึ้น

    การสืบชะตา มักทำในห้องโถง ถ้าทำกับกลุ่มคนจำนวนมาก จะใช้สถานที่กว้างขึ้น เช่น ภายในวิหารวัด หรือสร้างปะรำพิธีขึ้นเป็นพิเศษ ส่วนประกอบสำคัญมีซุ้มที่ทำจากไม้ยาวสามท่อนที่ผูกปลายบนรวมกันเป็นรูปกระโจม บนท่อนไม้มีกล้วยอ้อยผูกติดไว้บนยอดกระโจมมีดอกไม้ธูปเทียน และอื่นๆ ซึ่งอาจแตกต่างกันบ้างตามท้องถิ่นและตามตำราของผู้ประกอบพิธี นอกจากนี้มีสะตวงประจำตัวผู้เข้าพิธีด้วย เจ้าพิธีเป็นผู้ดำเนินขั้นตอนด้วยการว่าคาถาหลายบท และบางครั้งให้ผู้เข้าพิธีทำตามคำสั่งด้วย เช่น นำด้ายสายสิญจน์ที่แขวนลงมาจากกระโจมเคียนรอบศีรษะ เป็นต้น ถ้าทำกับคนจำนวนมาก จะมีด้ายสายสิญจน์โยงไปทั่วบริเวณและแขวนด้ายลงให้ผู้เข้าพิธีนำไปวนรอบศีรษะของตนเป็นคนๆ ผู้ประกอบพิธีมีทั้งที่เป็นพระภิกษุ และคฤหัสถ์ที่เคยบวชเป็นภิกษุแล้ว


     พิธีสืบชะตาเป็นประเพณีอย่างหนึ่งของชาวล้านนา เชื่อกันว่าเป็นการต่ออายุบ้านเมืองหรือต่อชีวิตคนให้ยืนยาว มีความสุข ความเจริญ ขจัดภัยอันตรายต่างๆ ที่จะบังเกิดขึ้น แบ่งเป็น 3 ประเภทคือ
    1.สืบชะตาคน นิยมทำเมื่อขึ้นบ้านใหม่ ได้ตำแหน่งใหม่ วันเกิดที่ครบรอบ 12 ปี ฟื้นจากป่วยหนัก หรือมีผู้ทักทายว่าชะตาไม่ดีจำเป็นต้องสะเดาะเคราะห์ และสืบชะตา

    2.สืบชะตาบ้าน นิยมทำเมื่อคนในหมู่บ้านประสบความเดือดร้อน เจ็บไข้ได้ป่วยหรือตายติดต่อกันเกิน 3 คนขึ้นไป คนในหมู่บ้านพร้อมใจกันจัดในวันปากปี ปากเดือน หรือปากวัน คือวันที่หนึ่ง สอง หรือสามวันหลังวันเถลิงศก เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล

    3.สืบชะตาเมือง จัดขึ้นเมื่อบ้านเมืองเกิดความเดือดร้อน จะด้วยตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ หรือเพราะเหตุปั่นป่วนวุ่นวาย การจลาจล เกิดโรคภัยแก่ประชาชนในเมือง ฯลฯ เจ้านายท้าวพระยาบ้านเมืองจึงจัดพิธีให้อายุของเมืองดำเนินต่อเนื่องสืบไป

    การได้ทำพิธีกรรมตามความเชื่อ ทำให้ผู้เข้าพิธีมีความรู้สึกดีขึ้น มีกำลังใจ และความเชื่อมั่นว่าตนจะสามารถแก้ปัญหาชีวิตได้ และสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองได้ต่อไป .. ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมอะไรที่เป็นความเชื่อของคนโบราณ .. ก็มักทำให้มีผลทางจิตใจเป็นไปในทางที่ดีขึ้น .. 'ไม่เชื่อ อย่าลบลู่' ยังเป็นสุภาษิตที่ใช้ได้ตลอดไป..

    สนับสนุนบทความดีๆ โดย http://thaiorc.com/


    ไข่กับความเชื่อ


    ประวัติความเป็นมาของความเชื่อเกี่ยวกับไข่ของตะวันตกและตะวันออกมีความคล้ายคลึงกัน คติทางตะวันตก ในศาสนาคริสต์มองว่าไข่เป็นสัญลักษณ์ของการกำเนิดให้ชีวิตใหม่ การกำเนิดของพระเยซูเจ้ามาจากไข่ ส่วนคติธรรมของชาวตะวันออก คติของพราหมณ์-ฮินดู เชื่อกันว่าไข่เป็นต้นกำเนิดแห่งจักรวาลทั้งมวล ตามคติความเชื่อตะวันออก ในศาสนาพราหมณ์ พระพรหมทรงสถิตอยู่ในไข่เป็นเวลาหมื่นกัลป์ จึงบันดาลให้ไข่แตกเป็นสองซีก ซีกบนเป็นแผ่นฟ้า โลกสวรรค์ ซีกล่างเป็นโลกมนุษย์ พร้อมกับสร้างและลิขิตสรรพสิ่งขึ้นมา ส่วนความเชื่อว่าไข่เชื่อมโยงกับเรื่องของโชคลางและพิธีกรรมมีขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่11 ในกลุ่มทวีปยุโรปกลาง ตั้งแต่รัสเซีย ลงมาเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ โปแลนด์ เล่ากันว่า พระแม่มารีนำไข่มาย้อมสีสดใสเป็นของเล่นสำหรับพระเยซู นับแต่นั้นมาเมื่อถึงเทศกาลปาสกา หลายประเทศ จึงมีการนำไข่มาตกแต่งระบายสี แล้วนำไปซ่อนเพื่อให้เด็กๆค้นหา สมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่หนึ่งแห่งอังกฤษ ทรงสั่งซื้อไข่จำนวน 450 ใบ ทำการทาสีเคลือบด้วยทองคำเปลว ประทานแก่บรรดาสมาชิกในราชสำนัก ในกลุ่มของพวกที่มีความเชื่อเกี่ยวกับโชคลาง ปรัชญา นำไข่ปาสกาแขวนตามโรงงาน ฯลฯ เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้าย

    ประเทศในแถบยุโรปไปจนถึงอเมริกา เชื่อว่า กระต่ายปาสกา เป็นผู้ที่ออกไข่ปาสกาไว้ในสวนหรือบ้าน แต่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เชื่อว่านก cuckoo เป็นผู้ที่นำไข่ปาสกามาให้เด็กๆในฝรั่งเศส นอกเหนือจากประเทศดังกล่าว ในประเทศที่นับถือคาทอลิก เด็กๆได้รับการบอกเล่าว่าระหว่างวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ และวันปาสกาเสียงระฆังจะเงียบหายไป เนื่องเพราะระฆังเหล่านั้น กำลังเดินทางไปเฝ้าพระสันตะปาปาที่กรุงโรม พร้อมไข่ปาสกา

    ไข่กับศิลปะไทย สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จประพาสยุโรปครั้งพระองค์เสด็จเยือนประเทศรัสเซียพระเจ้าซาร์นิโคลัสทรงมอบไข่นกกระจอกเทศประดับตกแต่งเป็นที่ระลึกปัจจุบันจัดแสดงที่พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต

    สำหรับความเชื่อของคนไทยเกี่ยวกับไข่ ในพิธีกรรม ระหว่างการจัดบายศรีจะนำไข่วางเป็นชั้นๆ สิบยอด หมายความว่าหากมนุษย์ละกิเลสออกทีละชั้นๆ ก็จะไปสู่ชั้นสูงสุดคือพรหมมัน ความคิดความเชื่อแต่โบราณเกี่ยวโยงกับไข่มาตลอด


    ความเชื่อเปลี่ยนไป

    จากเดิมไข่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนการทำพิธีกรรมอันเกี่ยวเนื่องกับความเชื่อเรื่องโชคลาง ทว่าทุกวันนี้ไข่ได้รับการตกแต่งให้กลายเป็นสินค้าเครื่องประดับตกแต่ง และเครื่องใช้ไม้สอยไปเสียแล้ว

    รัสเซียได้ชื่อว่าเป็นเจ้าต้นตำรับ เอาเปลือกไข่มาตกแต่งด้วยอัญมณีที่มีค่า เพื่อถวายกษัตริย์ ต่อมาเป็นที่นิยมในหมู่ขุนนาง สตรีและแพร่หลายสู่สังคมชั้นสูงในยุโรป ปัจจุบันมีหลายประเทศเปิดสอนวิธีการทำไข่วิจิตรอย่างเป็นล่ำเป็นสัน อาทิ ออสเตรเลีย อังกฤษ ฯลฯ

    สำหรับในเมืองไทย แม้ความสวยงามวิจิตรตระการตาของไข่วิจิตรจะทำเอาผู้พบเห็นรู้สึกอึ้งและทึ่งในความงาม แต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายกันมากนัก


    สนับสนุนบทความดีๆ โดย http://thaiorc.com/

    ฮวงจุ้ยกับนาฬิกา

    นาฬิกา เป็นสิ่งไว้บอกเวลา เคลื่อนไหวอย่างมีจังหวะ มีความสัมพันธ์กับชีวิต นาฬิกาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากกับฮวงจุ้ย ตำราฮวงจุ้ยโบราณเชื่อว่าเสียงและการเคลื่อนไหวของนาฬิกา สามารถกระตุ้นให้เกิดพลังและทำให้พลังในบ้านสะอาดสดชื่น เสียงของนาฬิกาที่เป็นจังหวะ ทำให้มีการเจริญเติบโตในครอบครัว เป็นไปอย่างมีขั้นตอน และเป็นระบบ ห้องที่เหมาะสำหรับการแขวนนาฬิกามากที่สุด คือห้องนอน และห้องรับแขก เพราะการแขวนนาฬิกาไว้ในสองห้องนี้ จะช่วยเสริมชะตาให้แก่เจ้าของบ้าน ป้องกันสิ่งชั่วร้าย เงินทองจะไหลมาเทมา ทั้งยังทำให้สมาชิกภายในบ้านอยู่ในการควบคุมอีกด้วย แต่ในการแขวนนาฬิกานั้น ก็มีข้อห้ามอยู่ดังนี้

  • ไม่ควรแขวนนาฬิกาหันหน้าเข้าหาบ้าน ควรแขวนให้หันออกไปที่ประตูหน้าบ้าน หรือระเบียงบ้าน

  • ไม่ควรแขวนนาฬิกาไว้ตรงบริเวณกลางโถงบ้าน เชื่อว่าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นมงคลต่อสมาชิกภายในบ้าน

  • ไม่ควรแขวนนาฬิกาให้หันหน้าเข้าหาสิ่งที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนนาฬิกา จะทำให้สมาชิกภายในบ้านเกิดความอึดอัด ไม่สบายใจ

  • นาฬิกาภายในบ้านควรมีเรือนเดียว แต่ถ้าเป็นนาฬิกาปลุก มีมากกว่า 1 เรือนได้ แต่ไม่มากเกินไป

  • นาฬิกาที่ใช้ ควรเป็นนาฬิกาไฟฟ้า และควรเลือกนาฬิกาที่มีเสียงจังหวะการเดินที่ไพเราะ ฟังแล้วรื่นหู

  • นอกจากใช้ดูเวลาแล้ว นาฬิกายังเป็นตัวอย่างที่ทำให้ได้เห็นอีกด้วยว่า ควรรักษาเวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่า เพราะเวลาเมื่อผ่านไปแล้วก็จะผ่านเลยไป ไม่สามารถหวนคืนกลับมาใหม่ได้ ที่สำคัญ บ้านไอเดีย อยากให้ทุกท่าน รักษาใจให้เหมือนนาฬิกา เพราะหน้าที่ของนาฬิกา คือการอยู่กับปัจจุบันขณะ ด้วยสัจจะ และความเที่ยงตรง

    สนับสนุนบทความดีๆ โดย http://thaiorc.com/

    ทายใจ บอกนิสัยจากการส่องกระจก



    ยิ้มเสมอ
    คนนี้จะยิ้มใส่กระจกทุกครั้งที่เดินผ่าน ไม่ได้หมายความว่าหลงตัวเองนะ ที่จริงคนแบบนี้เป็นคนง่าย ๆ คบคนได้ทุกเพศทุกวัย เขาเป็นเพื่อนที่วิเศษเลย

    ทำหน้าตาให้ดูดีก่อนส่องกระจก
    คนที่ทำหน้าตาให้ดูดีก่อนส่องกระจก เป็นคนรักสนุก ไม่ช่างคิด ไม่จุกจิก เป็นคนใจกว้าง และชอบเรื่องสนุก ๆ

    รักสวยรักงาม
    คนๆ นี้ ถ้าเจอกระจกทีไหนจะต้องหยุดทักทายกระจกทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน แสดงว่าเป็นคนที่มีความสามารถเป็นเลิศในเรื่องความรัก แต่ก็ต้องการความมั่นคงสูง ชอบเอาอกเอาใจคนอื่น

    ช่างสำรวจ
    ใครก็ตามที่ยื่นหน้าเข้าไปเกือบชิดกระจก แล้วค่อย ๆ ตรวจตรา ใบหน้าที่ละเซนต์หน่ะ รู้นะคิดอะไรอยู่ เป็นคนช่างคิด ขี้ระแวงสงสัย หมั่นไตร่ตรอง ก่อนจะออกความเห็นอะไร ต้องคิดแล้วคิดอีก แต่คนประเภทนี้จะเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์มาก

    ทำหน้าขมึงทึงทำหน้าบูดบึ้งใส่กระจก
    เป็นคนใจแคบ เอาตัวเองเป็นที่ตั้งในทุก ๆ เรื่อง ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น

    ไม่ชอบหรือไม่สนใจที่จะส่องกระจก
    คือวันๆ แทบไม่มองกระจกเลย เพราะไม่ค่อยใส่ใจภาพพจน์ทางร่างกายเท่าไหร่นะ เป็นคนโดดเดี่ยว เอาจริงเอาจังกับชีวิต คนนี้ล่ะเหมาะที่จะมอบหมาย งานให้มากที่สุด

    สนับสนุนบทความดีๆ โดย http://thaiorc.com/

    การแบ่งปัน




    สังคมใดขาดการแบ่งปันให้ซึ่งกันและกัน สังคมนั้นย่อมไม่อาจตั้งมั่นอยู่ได้

    เมื่อมีการกักตุนในที่หนึ่ง ย่อมเกิดการขาดแคลนในอีกหลายที่

    ... เมื่อผู้หนึ่งเป็นอยู่ดีเกินไป อีกหลายครอบครัวก็ค้องอดอยากยากจน

    เมื่อผู้หนึ่งไม่ทำงานแต่มีกิน อีกหลายคนก็ต้องทำงานมากขึ้นเพื่อหาให้เขากิน

    เมื่อผู้หนึ่งกินอิ่ม และฟุ่มเฟือยเกินไป อีกหลายคนก็ต้องหิวกระหาย และขนาดแคลน

    การแบ่งปันให้ซึ่งกันและกัน เป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ ชีวิตที่ไม่มีการแบ่งปันให้ผู้ยากไร้ ทั้งที่สามารถกระทำได้ นับเป็นชีวิตที่ไร้ค่า และรกโลก



    สนับสนุนบทความดีๆ โดย http://thaiorc.com/

    วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

    การให้ทาน

    ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
    ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
    หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ขนะมาร
    อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน


    การให้ทาน คือการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทนโดยหมายให้ผู้ได้รับได้พ้นจากทุกข์ แบ่งออกเป็น ๓ อย่างได้แก่

    ๑.อามิสทาน คือการให้วัตถุ สิ่งของ หรือเงินเป็นทาน

    ๒.ธรรมทาน คือการสอนให้ธรรมะเป็นความรู้เป็นทาน

    ๓.อภัยทาน คือการให้อภัยในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ดีกับเรา ไม่จองเวร หรือพยาบาทกัน

    การให้ทานที่ถือว่าเป็นความดี และได้บุญมากนั้นจะประกอบด้วยปัจจัย ๓ ประการอันได้แก่

    ๑.วัตถุบริสุทธิ์ คือเป็นของที่ได้มาโดยสุจริต ไม่ได้ไปยักยอกมา โกงมา หรือได้มาด้วยวิธีแยบยล

    ๒.เจตนาบริสุทธิ์ คือมีจิตยินดี ผ่องใสเบิกบาน ไม่รู้สึกเสียดายสิ่งที่ให้ ตั้งแต่ก่อนให้ ขณะให้ และหลังให้

    ๓.บุคคลบริสุทธิ์ คือให้กับผู้รับที่มีศีลธรรม ตัวผู้ให้เองก็ต้องมีศีลที่บริสุทธิ์

    การให้ทานที่ถือว่าไม่ดี และยังอาจเป็นบาปกรรมถึงเราทางอ้อมอีกด้วยได้แก่

    ๑.ให้สุรา ยาเสพย์ติด เป็นต้น (ถ้าเขาเมาแล้วขับรถชนตาย เราก็มีส่วนบาปด้วย)

    ๒.ให้อาวุธ (ถ้าอาวุธนั้นถูกเอาไปใช้ประหัตประหาร บาปก็มาถึงเราด้วย)

    ๓.ให้มหรสพ คือการบันเทิงทุกรูปแบบ

    ๔.ให้สัตว์เพศตรงข้ามเพื่อผสมพันธุ์ อันนี้รวมถึงการจัดหาสาวๆ ไปบำเรอผู้มีอำนาจหรือผู้น้อยด้วยเป็นต้น

    ๕.ให้ภาพลามก หรือสิ่งพิมพ์ลามก เพราะทำให้เกิดความกำหนัด เกิดกามกำเริบ (เมื่อดูแล้วเกิดไปฉุดคร่า ข่มขืนใคร บาปก็ตกทอดมาถึงเราด้วย)
    ข้อมูลจาก ธรรมะไทย

    สนับสนุนบทความโดย http://horoscope.thaiorc.com/

    ไม้ประดับมงคล ออมเงิน ออมทอง



    ลักษณะทั่วไป
    ออมเงินออมทองเป็นพรรณไม้เลื้อยมีลำต้นเป็นเถาซึ่งมีรากยึดเกาะกับวัสดุอื่นๆเช่นไม้หลักไม้ยืนต้นลำต้นมีข้อและแตกรากออกมาจากข้อลำต้นมีสีเขียวผิวลำต้นเรียบใบเป็นใบเดี่ยวออกตามข้อมีก้านใบยาวประมาณ10-15เซนติเมตรใบกลมมนโคนใบเว้าลึกทำให้เกิดหูใบทั้งสองข้าง ปลายใบเรียวแหลมกลางใบสังเกตุเห็นได้ชัด ผิวใบตรงกลางเป็นสีขาวหรือเหลืองแล้วมีสีเขียวล้อมรอบ ลักษณะใบคล้ายกับเงินไหลมา แต่จะต่างกันที่ใบ คือ ใบจะไม่เป็นแฉกลึกเหมือนกับเงินไหลมา

    การเป็นมงคล
    คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นออมเงินออมทองไว้ประจำบ้านทำให้มีเงินมีทองมาก เพราะต้นออมเงินออมทอง เป็นไม้มงคลนาม นอกจากนี้การออมเงินออมทอง ก็คือการเก็บหอมรอมริบ หรือการสะสมเงินทองไว้ให้มากนั่นเอง

    ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
    เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัยควรปลูกต้นออมเงินออมทอง ไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทั่วไปทางใบให้ปลูกในวันอังคาร

    การปลูก
    การปลูกแบ่งเป็น 2 วิธี
    1. การปลูกในกระถางเพื่อใช้ประดับภายในและภายนอกอาคารใช้กระถางทรงสูงขนาด 8x14 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก:ขุยมะพร้าว:ดิน ร่วนอัตรา1:1:1 ผสมดินปลูกและควรใช้ไม้หลักที่หุ้มด้วยกาบมะพร้าวปักไว้ตรงกลางกระถางด้วยเพื่อให้ลำต้นยึดเกาะหรือเลื้อยการ เปลี่ยนกระถางควรเปลี่ยน1-2 ปี /ครั้ง หรือ แล้วแต่ความเหมาะสมของทรงพุ่มเพราะการขยายตัวของรากแน่นเกินไป และเพื่อการเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป

    2. การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน การปลูกแบบนี้ควรทำร้านหรือซุ้ม เพื่อให้ลำต้นเลื้อยขึ้นไป ขนาดหลุมปลูก 20 x 20 x 20 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูกถ้าจะไม่ให้เลื้อยควรตัดแต่งเถาหรือยอดให้สั้น นิยมปลูกเป็นกลุ่มเพื่อตกแต่งสวน

    สนับสนุนข้อมูลดีๆ โดย www.thaioracle.com/



    ฮวงจุ้ยห้องทำงาน - ห้องประชุม

     
    ไม่นั่งหันหลังให้กับประตูเพราะจะทำให้ผู้ร่วมงานคดโกงและคิดไม่ซื่อ

    ส่วนห้องทำงานของผู้จัดการในทางวิชาฮวงจุ้ยถือว่าอนาคตของกิจการนั้นขึ้นอยู่ที่ฮวงจุ้ยห้องทำงานของผู้จัดการ ดังนั้นถ้าคุณเป็นผู้จัดการก็จงให้ความใส่ใจกับหลักเกณฑ์ของการจัดฮวงจุ้ยของห้องทำงาน เพื่อที่จะช่วยให้กิจการมีความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองและมีกำไร ซึ่งมีหลักเกณฑ์ดังนี้ คือ

    ห้องทำงานผู้จัดการควรตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ไกลจากประตูหน้ามากที่สุด หรือตั้งอยู่ลึกที่สุด แต่ต้องไม่ตั้งอยู่ปลายสุดทางเดิน

    ถ้าห้องทำงานเป็นรูปตัวแอล ( L ) ถือว่าไม่ดี ให้ทำการแก้ไข โดยการติด กระจกเงาหรือเพิ่มแสงไฟ

    ไม่ตั้งโต๊ะใต้คานหรืออยู่ในตำแหน่งที่ถูกเล็งจากมุมเสาหรือมุมห้องที่ยื่นและรีบจัดการแก้ไขสิ่งเหล่านี้ให้หมดไปโดยเร็ว

    ทำการเสริมฮวงจุ้ยแห่งความมั่งคั่งของกิจการด้วยการติดตั้งน้ำพุหรืออ่างเลี้ยงปลาเอาไว้ในทิศตะวันออกเฉียงใต้

    ห้องทำงานควรเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก ซึ่งดีกว่าห้องรูปทรงอื่นๆ

    ไม่นั่งทำงานอยู่ใกล้กับประตู เพราะจะทำให้จิตใจว้าวุ่นไม่มีสมาธิ และกิจการต้องพบกับอุปสรรคเป็นพักๆ

    ไม่นั่งหันหลังให้กับประตูเพราะจะทำให้ผู้ร่วมงานคดโกงและคิดไม่ซื่อ

    ไม่ติดตั้งชั้นหนังสือเอาไว้ด้านหลังของโต๊ะทำงาน เพราะจะมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้จัดการและทำให้กิจการไม่เจริญรุ่งเรือง

    ตรวจดูให้แน่นอนว่าไม่มีศรพิฆาตพุ่งตรงมายังประตูห้องทำงานของผู้จัดการ

    โต๊ะทำงานของผู้จัดการควรอยู่ไกลจากประตูให้มากที่สุด และพยายามนั่งอยู่ตำแหน่งที่หันหน้าไปสู่ประตูทางเข้าห้อง ถ้าเป็นไปได้ก็ควรที่จะหันโต๊ะไปสู่ทิศที่ดีที่สุด ที่เป็นทิศประจำตัว แต่ต้องหันหน้าไปสู่ประตูห้องและไม่อยู่ตรงกับแนวประตูห้อง

    ส่วนห้องประชุมที่ดีจะต้องออกแบบและตกแต่งเพื่อปกป้องคุ้มครองให้กับประธานการประชุม ตำแหน่งที่ประธาน นั่งต้องอยู่ไกลจากประตูมากที่สุด และด้านหลังของที่นั่งต้องเป็นผนังทึบ
    ห้องประชุมไม่ควรมีประตูหลายบานเพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้งและโต้เถียง ดีที่สุดคือมีประตูเพียงหนึ่งบาน
    ห้องประชุมถูกใช้เป็นที่ปรึกษาหารือและต่อรอง ดังนั้นประธานจึงควรนั่งหันหน้าไปสู่ทิศที่ดีที่สุด และโต๊ะประชุมควรเป็นโต๊ะทรงกลมไม่มีเหลี่ยมมุมใดๆ

    จากหนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ สนับสนุนบทความโดย http://horoscope.thaiorc.com/

    สีผ้าปูที่นอน ส่งผลถึงการนอน


    เรื่องของสีกับบ้านเป็นของคู่กันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร สำหรับห้องนอน ซึ่งถือเป็นห้องหลักที่คนใช้เวลาพักผ่อนและทำกิจกรรมต่างๆจึงควรใส่ใจเรื่องสีเป็นพิเศษ

    ดูจากผลการวิจัยของสถาบันต่างๆ จะพบว่า สีมีผลต่ออารมณ์ของผู้ที่อยู่อาศัยทั้งในด้านจิตใจ
    ระดับพลังงาน หรือแม้แต่ความกระฉับกระเฉง สีที่แตกต่างกันสามารถปรับสภาพอารมณ์ของเจ้าของห้องให้คึกคักหรือสงบลงได้ แต่ครั้นจะเปลี่ยนสีห้องบ่อยๆ ก็คงสิ้นเปลืองวุ่นวายโดยใช่ที่ ลองเลือกวิธีง่ายกว่าด้วยการเน้นไปที่เตียงนอน ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์หลัก โดยเลือกเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้เหมาะกับสภาพอารมณ์ของผู้นอนได้ง่ายกว่า


    warm up โทนร้อนเพิ่มความอบอุ่น เป็นกันเอง
    แดง
    บางคนเข้าใจว่าสีแดงไม่เหมาะกับห้องนอน ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการพักผ่อน
    เพราะเป็นสีที่เพิ่มพลังงานในร่างกายและช่วยในการไหลเวียนสูบฉีดโลหิต
    แต่สำหรับเจ้าของห้องที่กำลังซึมเศร้า หดหู่ ผ้าปูที่นอนสีแดงอาจจะช่วยให้กระฉับกระเฉงขึ้นได้

    ส้ม
    สีส้มทำให้ห้องอุ่นขึ้นเช่นเดียวกับสีแดง แต่จะดูเป็นมิตรมากกว่า
    เลือกผ้าปูที่นอนสีส้มสำหรับห้องนอนเด็กหรือห้องนอนแขกในบ้าน
    จะช่วยให้แกรู้สึกสบายใจและผ่อนคลายมากขึ้น

    เหลือง
    สีเหลืองทำให้ห้องสว่างขึ้น ขณะเดียวกันก็เรียกความสนใจและจับสายตาได้ไวกว่าสีอื่นๆ
    ในห้องนอนของผู้สูงอายุ ซึ่งสายตาไม่ค่อยดี ผ้าปูที่นอนสีเหลืองอ่อนจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะ
    แต่ควรระวังไม่ใช้ผ้าปูสีเหลืองเข้ม เพราะอาจจะแรงเกินไปจนทำให้รู้สึกเหนื่อยได้

    ข้อควรระวังของสีโทนอุ่นก็คือ สีโทนนี้จะกระตุ้นความอยากอาหาร
    อาจทำให้เจ้าของห้องทานมื้อดึกบ่อยๆ ได้
    เพราะฉะนั้นผู้ที่กำลังลดน้ำหนักคงต้องหลีกเลี่ยงสีโทนร้อนที่เข้มเกินไปเสียหน่อย


    cool out โทนเย็นเพื่อความผ่อนคลาย
    ฟ้า
    สีที่เหมาะกับการพักผ่อนมากที่สุด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อีกทั้งยังทำให้นอนหลับสบาย
    สำหรับห้องนอนของเด็กและผู้ใหญ่ ผ้าปูที่นอนสีฟ้ารับรองได้ว่าไม่ผิดหวัง

    เขียว
    สีที่มาจากธรรมชาติ ทำให้รู้สึกสงบและมีผลกับการรักษาอาการเจ็บป่วย
    จึงไม่น่าแปลกที่เตียงนอนในโรงพยาบาลจะเลือกใช้สีเขียวเป็นหลัก
    ครั้งหน้าถ้าหากรู้สึกไม่สบาย ลองหยิบผ้าปูที่นอนสีเขียวมาใช้เป็นการรักษาทางอ้อมอย่างง่าย

    ม่วง
    สีที่เป็นตัวกลางระหว่างโทนร้อนกับโทนเย็น ด้วยเฉดสีที่ออกขุ่น
    อาจจะทำให้ผู้ใหญ่หลายคนไม่ชอบ แต่กับห้องนอนของเด็ก สีม่วงก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม


    black & white ดำ-ขาวใช่ว่าจะใช้ไม่ได้ดำ
    ผ้าปูที่นอนสีดำจะทำให้รู้สึกร้อนและจำกัดความกว้างของห้อง
    เจ้าของห้องจะรู้สึกอึดอัดจนเก็บไปฝันร้าย ห้องขนาดเล็กจึงไม่ควรใช้ แต่ในทางกลับกัน
    ผ้าปูที่นอนสีดำกับห้องโล่งกว้างสว่างที่อากาศค่อนข้างเย็นก็เข้ากันได้ดี ดูเท่ไปอีกแบบ

    ขาว
    ผ้าปูที่นอนสีขาวเป็นหนึ่งในสีเบสิกที่ใช้ได้บ่อยไม่มีเบื่อ
    ทำให้เกิดความรู้สึกแง่บวกและสบายตา แต่ขณะเดียวกันสีขาวก็ไม่เพิ่มอุณหภูมิของห้องนัก
    ดังนั้นในฤดูหนาวหรือห้องกว้างที่อากาศค่อนข้างเย็น สีขาวก็จะไม่ช่วยให้รู้สึกอุ่นขึ้นเท่าไรนัก


    แก้ไขความเข้าใจผิด

    มีบางทฤษฎีที่แตกต่างจากการวิจัยว่า สีโทนร้อนทุกเฉดสีไม่ได้กระตุ้นให้ตื่นตัวได้เสมอไป
    เช่นเดียวกับสีโทนเย็นบางเฉดสีอาจจะไม่ได้ทำให้รู้สึกสงบผ่อนคลาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสี และความสว่างเป็นองค์ประกอบเสริม สีฟ้าเข้มกับสีแดงเข้มอาจจะส่งผลในการกระตุ้นพลังงานได้ไม่ต่างกัน


    สนับสนุนบทความดีๆ โดย http://horoscope.thaiorc.com/ 

    หลักฮวงจุ้ย การใช้แสงจากโคมไฟ


    การใช้แสงไฟและหลอดไฟเพื่อเสริมฮวงจุ้ยหรือเพื่อแก้ไขความผิดพลาด ความบกพร่องต่างๆ ทางวิชาฮวงจุ้ยนับได้ว่าเป็นวิธีการที่ง่ายและใช้กันอย่างแพร่หลายไม่แพ้การใช้ต้นไม้ แสงไฟ-หลอดไฟเป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไฟ ดังนั้นจึงมักใช้ในการกระตุ้นพลังและมงคลในทิศใต้ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันออกและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

    แสงไฟเป็นพลังหยางใช้สำหรับรักษาสมดุลกับพลังหยิน และช่วยดึงดูดพลังและมงคลโดยการฉายส่องไปยังวัตถุหรือพื้นที่ที่ต้องการ

    ติดตั้งหลอดไฟที่มุมหรือด้านที่ขาดหายไปของบ้านหรือที่ดินเพื่อสร้างสมดุลหรือชดเชยส่วนที่ขาดหายไป

    ติดตั้งหลอดไฟในพื้นที่ด้านหน้าของอาคารโดยให้ตรงกับบริเวณมุมอาคารทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1 ดวง และติดอีกหนึ่งดวงที่บริเวณหลังอาคารให้ตรงกับจุดกึ่งกลางของอาคาร โดยให้ตำแหน่งความสูงของหลอดไฟที่ติดเท่ากับความสูงของยอดหลังคา ซึ่งจะช่วยดึงดูดพลังที่ดีเข้ามาและช่วยแก้ไขเรื่องการจัดวางตำแหน่งอาคารที่ไม่ได้สมดุลกับขนาดของพื้นที่

    ติดไฟเอาไว้บริเวณพื้นที่หลังบ้านทั้งสองข้างในกรณีที่พื้นที่ที่ใช้ปลูกอาคารมีรูปร่างไม่เป็นสี่เหลี่ยมมุมฉาก

    ติดไฟเอาไว้ริมทางของถนนหรือทางรถที่เข้าสู่ตัวบ้านหรือตัวอาคาร ในกรณีที่ถนนมีความเล็กแคบจนเกินไปหรือติดเอาไว้เฉพาะส่วนที่แคบ

    แสงไฟจากโคมระย้าหรือโคมกิ่ง ซึ่งประกอบขึ้นด้วยเจียระไนชิ้นเล็กๆ มาประกอบกันเป็นลวด ลายต่างๆ จะให้พลังแห่งความเป็นมงคลได้ดีที่สุด แต่จะเป็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อเปิดไฟเท่านั้น และตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะติดหรือแขวนโคมระย้าก็คือบริเวณกลางบ้าน กลางห้องโถงหรือกลางห้องรับแขกซึ่งถือว่าเป็น ตำแหน่งของธาตุดิน และแส่งไฟจากโค้มระย้าซึ่งเป็นธาตุไฟจะช่วยกระตุ้นธาตุดินให้มีพลังมากยิ่งขึ้น

    โคมไฟหรือหลอดไฟที่ใช้ต้องไม่มีเหลี่ยมมุมที่จะทำให้เกิดศรพิฆาต

    สีของแสงไฟที่ใช้จะต้องให้ถูกกับทิศที่ติดตั้งด้วยจึงจะเป็นมงคล เช่น ทิศเหนือใช้แสงสีน้ำเงินหรือสีฟ้า เพราะเป็นสีของธาตุน้ำ ซึ่งเป็นธาตุประจำทิศเหนือ แต่โดยทั่วๆ ไปก็อาจจะใช้สีกลางๆ คือสีขาวนวลหรือแสงจันทร์ โคมไฟตั้งโต๊ะต้องดูรูปทรงของโคมไม้ดีด้วย ถ้ามีเหลือมุมก็อาจจะก่อให้เกิดศรพิฆาตถ้ารูปเหมือนฆ้อนก็จะเป็นอัปมงคลต่อผู้ใช้

    ที่มา : ท่านปรมาจารย์วรธนัท อัศกุลโกวิท


    สนับสนุนบทความดีๆ โดย http://horoscope.thaiorc.com/

    วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

    ว่านธรณีสาร ว่านมงคลที่ควรปลูก



    ว่านธรณีสารมีหลายชื่อเรียกตามท้องถิ่น เช่น เฮี้ยะเอ้โท้,มะขามป้อมดิน (เชียงใหม่), เสนียด (ภาคกลาง) และก็เชื่อว่าคนที่อายุเข้าเลขสี่ หลายๆ คนคงรู้จักมักคุ้นกันดี เพราะเป็นว่านที่หาง่าย พบทั่วไป ที่สำคัญเป็นว่านที่ใช้ในการประกอบพิธีมงคล ขับไล่สิ่งอัปมงคลเสนียดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ปัจจุบันอาจพบเห็นว่านธรณีสารน้อยลง เนื่องจากกาลเวลาเปลี่ยนไป สิ่งบางสิ่งก็จำต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเช่นกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปตามเวลานั่นคือ ความศักดิ์สิทธิ์ และสรรพคุณทางยาที่มีอยู่ในว่านธรณีสารไม่เคยแปรเปลี่ยน ยังคงเดิมเสมอ

    สมัยรุ่นปู่ย่าตายาย เมื่อคราใดที่มีพิธีมงคล สิ่งหนึ่งที่ขาดเสียมิได้ คือ ต้องมีกิ่งของว่านธรณีสารอยู่ในพิธีด้วยเสมอ ปัจจุบันว่านธรณีสารกำลังจะสาบสูญไปจากสังคมไทยเนื่องจากทัศนคติของคนไทยกำลังเปลี่ยนไป

    ว่านธรณีสารยังคงความสำคัญก็ตามชนบทที่ทุรกันดารหรือในชนบทบางพื้นที่ที่ยังคงเชื่อถือเรื่องไสยสาสตร์มนต์ดำอยู่เพราะเชื่อว่าว่านธรณีสารสามารถแผ่อิทธิคุณคุ้มครองอาณาบริเวณนั้นให้รอดพ้นจากมนต์ดำ ความจัญไรได้อย่างสบาย ซึ่งคุณวิเศษของว่านธรณีสารนั้นมีมากกว่าที่หลายๆ คนจะคาดคิด ไม่เช่นนั้น คนสมัยโบราณคงไม่ยกย่องให้ว่านธรณีสารเป็นไม้มงคลชั้นสูงเป็นแน่

    ลักษระของว่านธรณีสาร สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกับว่านทั่วไป คือ ว่าธรณีสารเป็นไม่ยืนต้น ขนาดเล็ก สูงเต็มที่ประมาณ 3-4 ฟุต มีลำต้นขึ้นไปตรงๆ เหมือนกับไม้ยืนต้นทั่วไป ลำต้นกลมเล็กตรง มีก้านใบ และลักษณะใบคล้ายใบมะยม แต่ใบเล็กกว่ามะยมมาก ลักษระต้นจะแจ้เตี้ยถ้าเปลูกมากๆ เป็นกลุ่มก็ดูสวยงามดี มีดอกสีแดง เล็กๆ ห้อยเป็นตุ่มอยู่ตามใต้ท้องใบ ลักษณะเป็นราวคู่กันไปจนถึงปลายก้านใบคล้ายกับลูกใต้ใบ มีบางท่านกล่าวว่าว่านธรณีสารนั้นไม่ใช่ว่าน แต่จัดอยู่ในกลุ่มพืชสมุนไพร ซึ่งถ้ามองตามหลักพฤกษศาสตร์ ก็อาจหมายถึงพืชที่เป็นสมุนไพรในวงศ์สลัดได แต่ถ้าตามหลักอาถรรพ์เวทแล้วธรณีสารก็มีบันทึกไว้ในตำราว่าน มีการกล่าวถึงอิทธิคุณไว้อย่างชัดเจนด้วยเหมือนกัน ส่วนนี้ก็เป็นการมองอีกทัศนะหนึ่ง ผู้เขียนจะไม่ขอหักล้างความคิดผู้ใด แล้วแต่ความเห็นส่วนตัว

    ประโยชน์ โบราณท่านบันทึกไว้ว่า ธรณีสารสามารถใช้ทางประกอบพิธีประพรมน้ำพระพุทธมนต์ ในงานศิริมงคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น งานขึ้นบ้านใหม่ งานแต่ง งานวันเกิด ฯลฯ โดยจะนำกิ่งหรือก้านใบธรณีพิธีและมงคลแก่สถานที่นั้นๆ ปัจจุบันไม่มีให้เห็นแล้ว เนื่องจากเวลาพระประพรมน้ำมนต์ก็มักใช้ก้านมะยมบ้าง ก้านมะพร้าวบ้าง ธรณีสารจึงถูกลดบทบาทลง แต่ในต่างจังหวัดบางที่ก็ยังคงใช้ธรณีสารผสมกับก้านมะยมประพรมน้ำมนต์

    ส่วนสรรพคุณทางด้านแพทย์แผนโบราณ ธรณีสารเป็นที่นิยมมากและรู้จักกันมาช้านานแล้วสรรพคุณทางเภสัช ใช้ปรุงยาขับลมในลำไส้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังใช้ได้ผลดี สำหรับโรคของเด็กใช้ใบธรณีสารมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับพิมเสนพอสมควรใช้ยานี้กวาดคอ สำหรับเด็กที่เป็นไข้ ตัวร้อน หรือว่าเด็กเป็ฯตาลทราง หรือในผู้ใหญ่ที่ท้องอืดท้องเฟ้อ ปวดท้อง ใช้ต้นและรากต้มน้ำกินเป็นยาขับลมได้ ใบตำเป็ฯยาพอกเหงือกบวม แก้ปวดฟัน และตำพอกตามร่างกายแก้ผื่นคัน สรรถคุณทางยานี้ผู้ไม่มีความชำนาญหากต้องการใช้ต้องปรึกษาแพทย์แผนโบราณก่อน

    สนับสนุนบทความดีๆ โดย www.thaioracle.com/






                                                    










    เทพเต่ามังกร (หลิงอิงจินหลงกุย)


    จากอดีตกาลจนถึงปัจจุบันร่วมนับพันปี ได้มีการใช้รูปปั้นสัตว์มงคล เพื่อเป็นการส่งเสริมพลังปราณชี่รุ่งเรือง และเพื่อต่อต้านพลังปราณชี่พิฆาต โดยการจัดวางรูปปั้นสัตว์มงคลไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น การตั้งรูปปั้นสิงโต ด้านหน้าสถานที่ราชการ เพื่อเป็นการเพิ่มบารมี บ้านตระกูลสูงศักดิ์ตั้งรูปปั้นกิเลน เพื่อเพิ่มความน่าเกรงขาม หรือบ้านที่อยู่อาศัยตั้งรูปปั้น คางคก 3 ขา เต่า กระเรียน เพื่อช่วยคุ้มครองความปลอดภัย และเพิ่มโชคลาภให้ผู้ที่อยู่อาศัย เป็นต้น

    รูปปั้นสัตว์มงคลที่นิยมนำมาใช้ ได้แก่ มังกร กิเลน ปี่เซี๊ยะ ( ผี่ซิว ) เต่า และเต่าหัวมังกร ในอดีตเมื่อหลายพันปี มีการค้นพบแผนผังลั่วซูบนหลังเต่าที่ขึ้นมาจากแม่น้ำลั่วหยาง และแผนผังนี้ก็ได้นำมาเป็นแผนผังโป่ยข่วย หรือ แผนผังแปดทิศ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

    เนื่องจากเต่าเป็นสัตว์มงคลที่มีความเกี่ยวพันกับเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงมีการนำรูปปั้นเต่ามาใช้เพื่อส่งเสริมความเป็นมงคลให้กับชีวิต และเพื่อหลีกเลี่ยงเคราะห์ภัยต่างๆ จึงนับได้ว่ารูปปั้นเต่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งสำหรับฮวงจุ้ย

    เต่าเป็นสัตว์ที่อายุยืน ดังนั้นการวางรูปปั้นเต่าไว้ในบ้านจึงช่วยส่งเสริมให้คนสูงอายุในบ้านมีอายุยืน คนเจ็บคนไข้หายเจ็บป่วย คนหนุ่มคนสาวจะมีโชคมีลาภ และเด็กเล็กเจริญเติบโต ในขณะเดียวกันยังสามารถใช้เต่าเพื่อสลายพลังปราณชี่พิฆาตได้ด้วย โดยการตั้งเต่าให้หันหน้าไปยังทิศที่มีปราณชี่พิฆาตต่างๆ

    เต่า เป็นหนึ่งในสี่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในระบบสัญลักษณ์ของจีนที่ทำหน้าที่ประดุจ “จตุโลกบาล” ผู้พิทักษ์รักษาคุ้มครองโลกทั้ง 4 ทิศ อันประกอบด้วย


    ทิศเหนือ...เต่า - ธาตุน้ำ หมายถึง ความสุข อายุวัฒนะ
    ทิศใต้...หงส์ - ธาตุไฟ หมายถึง นิมิตหมายที่เป็นมงคล โชค
    ทิศตะวันออก...มังกร - ธาตุลม หมายถึง อำนาจที่ยิ่งใหญ่
    ทิศตะวันตก...กิเลน - ธาตุดิน หมายถึง ปัญญา ความยุติธรรม

    เต่าหัวมังกร ชิงถง ถัวหลง เป็นชื่อเรียกโบราณวัตถุในพระราชวังกู้กง ( พระราชวังต้องห้าม นครปักกิ่ง ) คำว่าชิงถงถัวหลง เป็นเต่ามังกรทองสัมฤทธิ์ เต่าหัวมังกร เป็นการรวมมหาพลังของ มังกร และ เต่า ซึ่งเป็นสัตว์แห่งสรวงสวรรค์สองในสี่ชนิดในระบบสัญลักษณ์ของจีน เต่าหัวมังกร รวมพลังแห่งความกล้าหาญปรีชาสามารถ อำนาจบารมีศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ของมังกร กับพลังแห่งความมั่นคง อายุวัฒนะ สุขะ พละยืนยาวของเต่า

    ปัจจุบันกำลังอยู่ในยุค 8 การเสริมสิริมงคลด้วยสัตว์มงคลในระบบสัญลักษณ์ของจีนจึงเป็น “รหัสสู่ความสำเร็จ”

    นอกจาก “ปี่เซียะ” สัตว์เทพสวรรค์บันดาลโชคแล้ว ต้องถือว่า “เต่ามังกร” กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักธุรกิจ พ่อค้า คหบดี และผู้บริหารทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะในฮ่องกงที่ถือว่ามีความเจริญทางเศรษฐกิจสูง และศาสตร์ฮวงจุ้ยจีนเป็นของขาดไม่ได้ในวงการธุรกิจและผู้รักความก้าวหน้า ณ เวลานี้ “เต่ามังกร”กำลัง “บูมสุด ๆ” ในฮ่องกง และหมู่ผู้เข้าถึง “ศาสตร์ว่าด้วยความเป็นสิริมงคล"

    ผู้ใดปรารถนาเจริญด้วย อายุ วัฒนะ อำนาจ วาสนา บารมี โบราณาจารย์ท่านว่า...เต่ามังกร...คือคำตอบสุดท้าย

    ขั้นตอนวิธีการทำเคล็ดเทพเต่ามังกร

    1.ทำการเลือกวันที่มีความเป็นมงคลเพื่อตั้งวางเทพเต่ามังกร โดยตำแหน่งที่จะตั้งวางเทพเต่ามังกร มีอยู่ด้วยกันหลายตำแหน่ง ซึ่งแต่ละตำแหน่งล้วนเป็นอิสระในการให้ความเป็นมงคล และแก้ไขความเป็นอัปมงคล อันได้แก่
    - ตำแหน่งดาวเหินประจำปีหมายเลข 8
    - ตำแหน่งไท่ซุ่ย และซุ่ยพ่อ
    - ตำแหน่งดาวที่เป็นอัปมงคลต่างๆ
    - ตำแหน่งราศีประจำตัว และตำแหน่งราศีที่ชงกับราศีประจำตัว
    - ตำแหน่งประจันกับประตูหน้า (ด้านในซึ่งเฉพาะในตำแหน่งนี้ จะต้องตั้ง 2 ตัวหันหน้าไปสู่ประตูหน้า)
    - ตำแหน่งด้านหลังของหัวเตียง หรือบนหัวเตียง
    - ตำแหน่งบนขอบหน้าต่าง (โดยหันหน้าออกไปนอกอาคาร)

    2.ตำแหน่งที่จะตั้งวางเทพเต่ามังกร ต้องมีแสงสว่างส่องเข้าได้ถึง ยิ่งมีแสงสว่างมาก เทพเต่ามังกรก็ยิ่งมีพลังมาก

    3.เมื่อตั้งวางเสร็จ ให้จุดธูป 8 ดอก ปักลงในกระถางกลม ตรงหน้าของเทพเต่ามังกรในแต่ละตำแหน่ง เพื่อเป็นการเริ่มต้นเรียกหาพลังให้เข้ามา นอกจากนี้ เรายังสามารถที่จะจุดธูป 8 ดอกอธิษฐานบูชาได้เป็นประจำ

    4.หากตั้งเคล็ดอื่นๆ เพื่อการกระตุ้นกำกับลงไปด้วย เช่น เหรียญจีนด้ายแดง หรือก้อนทองนั้น เราจะต้องทำการเปลี่ยนเคล็ดเหล่านี้ใหม่ ทุกๆ ครึ่งปีหรือหนึ่งปี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด



    สนับสนุน โดย www.thsioracle.com

    เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้านที่ ดูดกลืนพลังงานทางลบ


    การตกแต่งบ้านให้สวย ตามสไตล์ของแต่ละคนนั้น จะช่วยให้มีความสุขมากขึ้น เพราะบ้านหรือที่อยู่อาศัย เป็น 1 ในปัจจัย 4 มีความสำคัญกับความเป็นอยู่ของคนเรามาก หากบ้านมีความสวยงาม จะช่วยให้จิตใจเบิกบาน สดใสมากขึ้นด้วย แต่ทุกอย่างก็ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ของตกแต่งบ้าน หรือเฟอร์นิเจอร์บางชิ้น ที่ช่วยทำให้บ้านน่าอยู่ สะดวกสบายขึ้น ในทางกลับก็สามารถที่จะสะสมพลังงานที่ไม่ดีไว้กับบ้านได้ด้วยเช่นกัน ผลที่ตามมาเมื่อมีพลังงานที่ไม่ดีอยู่ คือ สมาชิกภายในบ้านจะมีความเจ็บป่วย และมีอุปสรรคเกิดขึ้น ตามหลักของฮวงจุ้ยแล้ว ของตกแต่งบ้าน หรือเฟอร์นิเจอร์ ที่อาจจะสะสมพลังงานด้านลบไว้ มีดังต่อไปนี้

    - ผ้าม่าน เฉพาะผ้าม่านที่มีความหนัก ความหนาและยาว เช่น ผ้าม่านที่ไว้ปิดประตู หรือหน้าต่างขนาดใหญ่ หากไม่มีการเปิดใช้เลย จะทำให้พลังงานที่ไม่ดีเข้ามาสะสมอยู่ได้ ดังนั้นควรเปิดผ้าม่านบ้าง ไม่ควรปิดไว้นานๆ

    - โต๊ะและเก้าอี้ ห้องรับประทานอาหาร ที่ใช้มานาน มีส่วนที่ชำรุด ทรุดโทรม ต้องมีการซ่อมแซม หรือเปลี่ยนให้มีสภาพที่ใหม่ ใช้งานได้ดี ต้องไม่ให้หัก มีรอยแตก เพราะโต๊ะ – เก้าอี้ ที่เก่านั้นจะเป็นแหล่งดึงดูดพลังงานด้านลบ

    - ชุดโซฟา ต้องหมั่นทำความสะอาด อย่าปล่อยให้สกปรก มีฝุ่นเครอะ โซฟาต้องไม่มีรอยฉีกขาด และควรมีการเคลื่อนย้าน เปลี่ยนตำแหน่งวางชุดโซฟาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง อาจจะเลื่อนออกมาก่อน แล้วค่อยนำกลับไปวางที่เดิมก็ได้ การเคลื่อนย้ายจะช่วยให้พลังงานมีการหมุนเวียนได้ดีมากขึ้น

    - ตู้หนังสือ จะเป็นที่ที่สะสมทั้งฝุ่นและความสกปรก ต้องหมั่นปัดกวาดดูแล ให้ตู้หนังสือ มีความสะอาด อย่าให้อับชื้น มีกลิ่นอับ จะส่งผลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยได้

    หากเปรียบเปรียพลังงานที่ดี คือความสุข และพลังงานที่ไม่ดี คือ ความทุกข์แล้ว คงไม่สามารถที่จะแยกออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด เพราะทั้งดีและไม่ดี เป็นของคู่กัน ซึ่งย่อมเป็นสิ่งธรรมดาที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ ประเด็นจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า จะเจอสิ่งที่ดีหรือไม่ดีมากกว่ากัน แต่คงจะอยู่ที่ จะรับมือกับสิ่งๆนั้นได้อย่างไร บ้านไอเดีย ขอให้ทุกท่าน มีสติและปัญญาในการดำเนินชีวิตในทุกๆวันค่ะ

    ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก บ้านไอเดียดอทคอมค่ะ

    สนับสนุน โดย http://horoscope.thaiorc.com/

    ห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร เสริมสิริมงคล


    จัดห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ให้อยู่ดีมีสุข
    การเพิ่มพลังที่ดี ที่เป็นสิริมงคลให้แก่เจ้าของบ้าน และสมาชิกภายในครอบครัวนั้น สามารถทำได้หลายวิธี อย่างที่บ้านไอเดีย ได้นำเสนอไปบ้างแล้ว ห้องครัว หรือห้องรับประทานอาหาร ก็เป็นส่วนหนึ่งในการเสริมฮวงจุ้ย ซึ่งได้เสนอไปแล้วเช่นกัน แต่ยังมีเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับฮวงจุ้ยในห้องครัว ซึ่งสามารถนำไปไปสำรวจกันดูว่าตรงไหนที่ยังบกพร่อง จะได้ปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น ฮวงจุ้ยห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร มีดังต่อไปนี้ค่ะ

  • โต๊ะที่ใช้รับประทานอาหารควรเป็นโต๊ะทรงกลม หรือทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส ทางตำราฮวงจุ้ย เชื่อว่า รูปลักษณ์ของโต๊ะ เป็นการรับพรจากสวรรค์ ให้มีความโชคดี ส่วนโต๊ะที่ห้ามใช้ คือโต๊ะทรงสามเหลี่ยม จะนำความอัปมงคลมาให้

  • เก้าอี้นั่งรับประทานอาหารในห้องครัว ควรมีจำนวนเป็นเลขคู่ จะส่งผลให้ภายในครอบครัวมีความสุข ความเจริญรุ่งเรือง กิจการก้าวหน้า

  • ในห้องรับประทานอาหาร ควรติดกระจกเงาแผ่นใหญ่ เพื่อสะท้อนภาพอาหารบนโต๊ะ จะส่งผลให้อยู่ดี มีสุข อุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้ ไม่ขาดแคลนในการบริโภค แต่ในส่วนของห้องครัว ห้ามติดกระจกเงา โดยเฉพาะบริเวณที่ตั้งเตา เชื่อว่า จะทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ ร่างกายไม่แข็งแรง

  • ตามตำราฮวงจุ้ยจีน เชื่อว่า เตาใช้ถ่าน คือเตาที่ส่งผลดีกับฮวงจุ้ยบ้านมากที่สุด มีความเป็นมงคล รองลงมาคือ เตาแก๊ส เตาไฟฟ้า

  • ห้องครัวไม่ควรอยู่รวมกันกับที่ซักผ้า ตากผ้า เพราะหากมีการซักผ้า ตากผ้าในห้องครัว เป็นสิ่งที่ไม่เป็นมงคลต่อบ้าน และผู้ที่อยู่อาศัย

  • ตำแหน่งของห้องครัว ไม่ควรอยู่ตรงกลางบ้าน ทำให้มีผลต่อโชคลาภ เงินทองติดขัด ลาภไม่เข้าบ้าน

  • ที่เก็บข้าวสาร ควรอยู่ในสภาพที่ดี ไม่บุผัง หรือสกปรก และที่สำคัญควรมีข้าวสารอยู่เสมอ อย่าให้ขาด เชื่อว่า สภาพของที่เก็บข้าวสาร หมายถึง อนาคต และชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัว

  • ที่สำคัญที่สุด ของห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร คือการรักษาความสะอาดอยู่เสมอ เพราะเป็นห้องที่ใช้ในการปรุงอาหาร หากไม่มีความสะอาดแล้ว ย่อมส่งผลต่อสุขภาพของสมาชิกภายในบ้านด้วยนะค่ะ

    ข้อมูลจาก บ้านไอเดียดอทคอม

    ติดตามข้อมูล และดูดวงฟรีๆ ได้ที่ www.thaioracle.com

    วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

    หลักการจัดบ้านเสริมดวง


  • บ้านพักที่ใหญ่โตเกินไป แต่ในบ้านมีคนพักน้อย ไม่เป็นมงคลจะทำกินไม่ขึ้น ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านที่ดีหากมีคนอยู่ในบ้าน เยอะจะดีมาก ทำให้อบอุ่น จะทำให้ร่ำรวย


  • บ้านใดที่ปลูกต้นไผ่ แล้วคนภายนอกมองไม่เห็นคนในบ้าน จะทำให้คนอยู่อาศัยจะพบความเจริญ


  • การตกแต่งบ้านตามหลักฮวงจุ้ยเพิ่มเสริมดวง ไม่ควรแขวน เครื่องประดับมากเกินไป โดยเฉพาะนอแรด เขากระทิง หัวสัตว์ที่ดุร้ายไม่ควรแขวนเลย เพราะ วิญญาณมัก จะตามมาทวงและรบกวนเจ้าของบ้าน


  • บ้านไม่ควรเจาะหลังคาเพราะจะทำให้ฮวงจุ้ยไม่ดีไม่เป็นมงคล ถ้ากลัวว่าทึบก็ให้ใช้ กระเบื้องใสแทน


  • บ้านที่มีกำแพงเก่าควรทาสีให้ใหม่เสมอ เวลากลางคืนควรติดไฟให้สว่างจะพบแต่ความเจริญ


  • บ้านที่มีที่ดินด้านหลังบ้านแคบหน้าบ้านกว้างไม่เป็นมงคลให้ วิธีการแก้ฮวงจุ้ย แก้ได้โดยการติดกระจก บริเวณที่แคบทั้งสองด้าน เพื่อเวลามองแล้วจะรู้สึกกว้าง ลึก


  • บ้านที่มีหน้าบ้านแคบแต่หลังบ้านกว้าง ตามตำราฮวงจุ้ยท่านว่าเป็นลักษณะที่ดี เป็นถุงเงินถุงทอง


  • บ้านที่สร้างแล้วมีความลึกมากกว่าความกว้างจัดว่าเป็นฮวงจุ้ยทีดี อยู่แล้วจะเจริญรุ่งเรือง, บ้านที่สร้างตามความลึก เป็นมงคล


  • บ้านที่มีการปลูกหน้าบ้านยาวแต่แคบไม่เป็นมงคลไม่ถูกต้องตามฮวงจุ้ย บ้านหรือที่ดินบ้านเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสจะ เป็นมงคลอย่างมาก


  • บ้านที่แหว่งบางส่วนขัดต่อหลักจุ้ยเป็นอย่างมากจะทำให้คนในบ้านจะมีอันเป็นไป เช่น ถ้าแหว่งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หมายถึงแม่หรือหญิงเจ้าของบ้าน, ถ้าทิศตะวันตกเฉียงเหนือคือ พ่อ หรือชายเจ้าของบ้าน บ้านที่แหว่งทิศตะวันออกและตะวันตกผลกระทบ คือลูกชายคนโต และลูกสาวคนเล็ก, บ้านหรือพื้นที่เว้าแหว่ง ทิศเหนือและใต้จะเสียหายแก่ลูกสาวงคนกลาง (ทิศใต้) ลูกชายคนกลาง (ทิศเหนือ) จะมีเรื่องคดีความ ส่วนบ้านที่เป็นรูปทรงหน้ากว้างหลังแคบจะเก็บเงินไม่อยู่ จะยากจน


  • ฮวงจุ้ยบ้านที่ดี บ้านที่เก่าถ้าจะเข้าไปอยู่ใหม่ควรทาสีให้ใหม่ กลอนประตูควรจะเปลี่ยนใหม่ จะนำโชคลาภมาให้


  • บ้านที่มีลักษณะผิดหลักฮวงจุ้ย คือ บ้านที่เพดานเฉียง ไม่ดี, บ้านมีคาน ไม่ดี, บ้านที่มีคานไม่เสมอกัน ไม่ดี, บ้านสร้างคล้ายรูปตัวยู ไม่ดี


  • บ้านที่มีถนนโค้งออก อยู่แล้วไม่เจริญ , บ้านที่มีถนนล้อมรอบทั้ง 4 ด้านไม่เป็นมงคล , บ้านที่มีทางโค้งออกอยู่ไปจะทำให้ยากจน, บ้านที่อยู่ใกล้สี่แยกให้ตั้งประตูใหญ่ให้ถูกรหัสราศีของเจ้าของบ้าน และอีกส่วนด้านให้ปลูกต้นไม้แทนภูเขาเพื่อแก้เคล็ดให้ถูกต้องตามฮวงจุ้ยบ้าน


  • บ้านมีสองบันได ไม่ดี , บ้านรูปทรงตัว H ถือว่าบ้านเว้าแหว่ง จะเสียทรัพย์ เสียชื่อเสียง


  • บ้านเป็นรูปสามเหลี่ยม เรียกว่าถังขยะ ผิดหลักฮวงจุ้ยอย่างแรง จะทำให้ธุรกิจเจ๊ง หรืออาจทำให้ผู้อยู่อาศัยเป็นมะเร็ง อัมพาต


  • บ้านที่อยู่ระหว่างช่องว่างของตึกสูง เรียกว่าลมพิฆาต ไม่ดี วิบัติรุนแรง ไม่ถูกต้องตามฮวงจุ้ยบ้านที่ดี


  • หน้าบ้านถ้ามีต้นไม่ใหญ่ตายยืนต้นควรจะโค่นตัดทิ้งเลย มิฉะนั้น จะพบความยากจน


  • เพื่อให้บ้านมีฮวงจุ้ยที่ดี หน้าบ้านถ้ามีต้นไม่ใหญ่ตายยืนต้นควรจะโค่นตัดทิ้งเลย มิฉะนั้น จะพบความยากจน


  • ประตูหน้าบ้านห้ามตรงกับประตูห้องน้ำไม่ดี จะเกิดโรคฝีหรือ โรคมะเร็งได้, ประตูบ้านที่มีซุ้มสูงกว่าหลังคาไม่เป็นมงคล ให้แก้ไข จะได้พบแต่ความสุข, ประตูที่ทำซุ้มแบบซุ้มประตู ของศาลเจ้าหรือมูลนิธิ บ้านคนธรรมดาห้ามสร้างจะไม่เป็น สิริมงคล, ประตูบ้านไม่ควรจะมีต้นไม้ใหญ่อยู่ตรงกลางประตู


  • ประตูหน้าบ้านมีสะพานพุ่งเข้าหน้าบ้านถือเป็นฮวงจุ้ยไม่ดี, ประตูห้องนอนตรง กับเตียงนอนก็ไม่ดี, ประตูใหญ่ตรงประตูห้องน้ำไม่ดีจะทำให้เงิน เข้าบ้านไม่ดี สุขภาพไม่ดี, ประตูห้องนอนตรงกับประตูห้องน้ำ ไม่ดี จะเกิดโรคภัย ธุรกิจสะดุด


  • ประตูใหญ่ตรงกับประตูห้องนอน จะเกิบเงินไม่อยู่ มีปากเสียง ไม่ดี, ประตูรั้วบ้านฝั่งตรงข้ามใหญ่กว่าบ้านเราไม่ดี


  • ประตูตรงกันหลายบาน ตรงกับเตา ทำให้ร้อนเงิน มีปากเสียง ไม่ดี, ประตูตรงห้องนอนห้ามตรงกับบันได ไม่ดี


  • ประตูห้องส้วมตรงกับเตียงนอนไม่ดี, ประตูห้องนอนตรงกับประตูครัว ทำให้เกิดปากเสียงเงินเก็บไม่อยู่


  • บันไดตรงกับประตูห้องนอน ไม่ดี, บันไดตรงประตู ไม่ดี, บันไดตรงห้องน้ำ ไม่ดี, บันไดอยู่กลางบ้านตรงประตูเข้าออกไม่ดี


  • ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอนที่ดี ห้องนอนควรที่จะเก็บแต่เสื้อผ้าใหม่และของใหม่ จะเป็นมงคล, ห้องนอนควรอยู่ให้ถูกกับรหัสราศีของตัวเอง


  • ห้องนอน ผ้าห่ม หมอน ควรที่จะแห้ง สะอาดอยู่เสมอ จะช่วยเสริมมงคลให้เจ้าผู้อยู่อาศัย, ห้องนอนไม่ควรอยู่ใต้ห้องน้ำเพราะจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเจ็บป่วย


  • ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านที่ดี ในห้องนอนเจ้าบ้านควรอยู่ทิศในรหัสราศีของตัวเองถึงจะเป็นมงคล


  • ในการตกแต่งห้องนอน ไม่ควรวางกระจกไว้ที่หัวนอนเพราะผิดหลักฮวงจุ้ย จะทำให้เสียสุขภาพ


  • ควรระวังอย่าตั้งเตียงนอนอยู่บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะผิดหลักฮวงจุ้ย ไม่ดี ไม่เป็นมงคล


  • เตียงนอนตรงกับประตู ไม่ดี, เตียงนอนห้ามตั้งอยู่บนเตาไฟ จะทำให้คนนอนสุขภาพไม่ดี


  • เตียงนอนห้ามอยู่ใต้บันได เพราะจะมีคนขึ้นลงอยู่ประจำ, การตั้งเตียงเป็นมุมทะแยง ไม่ดี จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ


  • ด้านหัวนอนของเตียงและปลายเท้าห้ามตั้งกระจก, ห้ามนอนเอาเท้าหันไปสู่ประตู


  • หิ้งลอย ตู้ลอย ไม่ควรอยู่บนหัวนอน จะทำให้เครียด เกิดโรคทางสมอง


  • ข้อควรระวังสำหรับฮวงจุ้ยในห้องนอน การตั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ควรตั้งในห้องนอนถ้าเป็นคนโสดไม่เป็นไร ถ้ามีคู่แล้วห้าม


  • สิ่งศักดิ์สิทธ์ตั้งอยู่บนห้องน้ำ เป็นสิ่งไม่สมควร ควรแก้ไข


  • สิ่งศักดิ์สิทธิ์ห้ามตั้งอยู่ใต้คาน รวมทั้งคนด้วยเช่นกันก็ห้ามอยู่ใต้คาน


  • ห้องพระไม่ควรรวมกับห้องนอน ถ้าที่คับแคบจำเป็นต้องรวมให้กั้นฉากเป็นสัดส่วน ห้องนอนอย่าอยู่หน้าห้องรับแขก


  • คานอยู่หน้าประตูไม่ดีจะส่งพลังกดทับทำให้เงินหรือพลังไม่คล่อง คานต่ำ เพดานต่ำ จะทำให้ชี่ (เงิน) เข้าบ้านไม่สะดวก


  • คานห้ามอยู่บนหัวนอน จะเป็นมะเร็งในสมอง เส้นโลหิตในสมองแตก, คานทับเตาไฟ ทำให้เงินขาดมือ


  • ห้องน้ำอยู่บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่เป็นมงคล, ห้องน้ำอยู่บนประตูใหญ่ไม่ดี ทำให้เงินไม่ไหลเข้า, ห้องน้ำอยู่เหนือเตาไฟ ไม่ดี


  • ด้านหลังของเตียงเป็นห้องน้ำไม่ดี


  • ห้องน้ำกลางบ้านไม่ดี, เครื่องซักผ้าตรงกับเตาไม่ดี, ห้องครัวถ้ามีขื่อพาดอยู่ ไม่ดีจะเจ็บป่วย ยากจน


  • ห้องครัวห้ามอยู่ติดกับห้องนอน ถ้าจำเป็นจะตั้องกั้นผนังห้องครัวและห้องนอนอย่าให้มีอากาศเข้าถึงกันได้


  • ไม่ควรวางเตาไว้บนท่อระบายน้ำหรือท่อ น้ำประปา, ด้านหลังเตาแก๊สห้ามมีบ่อน้ำ เพราะผิดหลักฮวงจุ้ยบ้าน


  • ข้อควรระวังสำหรับฮวงจุ้ยห้องครัว ครัวเตาไฟไม่ควรจัดไว้หน้าบ้าน จะไม่มีทรัพย์สินเก็บจะมีคนในบ้านตายทุก 3 ปี


  • ตัวเตาในบ้านอย่าให้คนนอกบ้านเห็นจะไม่เหลือเงินเก็บ, การตั้งเตาอย่าใกล้สระน้ำ หรือน้ำประปา


  • หน้าเตาไฟหันไปสู่ทิศตะวันออก หรือทิศตะวันออกเฉียงใต้ดี เป็นมงคล แต่ถ้าจะให้ดีต้องถูกรหัสราศีทิศของเจ้าของบ้านด้วย


  • ไม่ควรสร้างเตาในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน แต่ควรหันหัวเตาให้ถูกโฉลกรหัสราศีของเจ้าของบ้าน


  • ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านที่เสริมดวง ไม่ควรมีห้องนั่งเล่นโซฟารูปสามเหลี่ยม, และหากข้างบ้านมีเครื่องระบายความร้อนพุ่งมาหาบ้านอีกฝ่ายหนึ่งจะไม่ดี

  • ข้อมูลจาก โฮโรไลฟ์ตอทคอม

    ติดตามข้อมูล หรือดูดวงฟรีๆ ได้ที่ http://horoscope.thaiorc.com/

    ฤกษ์งาม ยามดี


    ฤกษ์งามยามดี หมายถึง เวลาหรือคราวแห่งช่วงวันหรือคืนอันเหมาะในการประกอบกิจการ งานมงคลใดๆ เพื่อให้เกิดลาภผล ประสบความดี ความสำเร็จ เป็นมิ่งมงคลแก่เจ้าของงานนั่นเอง

    จะเห็นได้ง่าในการประกอบกิจการงานมงคลหรือแม้แต่งานที่ไม่ค่อยคงคลก็จะต้องมีการหา ฤกษ์-ยาม ที่เหมาะสม ที่ดีอยู่ตลอดเวลา เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้หลักผู้ใหญ่คนสำคัญของบ้านเมืองตั้งแต่สมัยก่อนๆ จนถึงปัจจุบันทางท่านก็มีความเชื่อเรื่องโชคลาง ฤกษ์ยามอย่างมาก การทำอะไรตามฤกษ์-ยาม ที่ดีที่เหมาะสม แม้ไม่เชื่อแต่ก็อาจเกิดความสบายใจ

    กิจการที่ต้องทำการดูฤกษ์-ยาม ก่อน ได้แก่ การเดินทาง การแต่งงาน การสร้างบ้าน การออกรถ ฯลฯ

    ท่านสามารถหาฤกษ์ยามต่างๆ ได้ที่   http://horoscope.thaiorc.com/auspicious/

    เซียมซี


    คำว่า "เซียมซี" นั้นเป็นภาษาจีน คำว่า เซียม แปลว่า แผ่นกระดาษ แผ่นเล็กๆ ยาวๆ หรือจะแปลให้เข้าใจง่ายขึ้น คือกระดาษโน้ต ส่วนคำว่า ซี แปลว่า บทกลอน เมื่อนำมารวมกันจึงแปลว่า บทกลอนบนแผ่นกระดาษแผ่นเล็กๆ เพื่อให้จดจำได้
    สิ่งหนึ่งที่คู่กับเซียมซี คือติ้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะทำ จากไม้ไผ่บางๆ แต่ปัจจุบันได้มีการทำเป็นพลาสติก และเขียนหมายเลขกำกับไว้ ประมาณ ๙-๓๖ หมายเลข รวมกันในกระบอกไม้ไผ่ ที่เรียกว่า กระบอกติ้ว การเสี่ยงเซียมซี คือการสั่นกระบอกติ้วเซียมซี ให้ไม้เซียมซีหลุดออกมา ๑ อัน ปรากฏหมายเลขใด ก็อ่านใบเซียมซีนั้น แล้วก็ไปหยิบเอาความหมายของ ใบเซียมซี เพื่อดูว่าจะมีความหมายดีร้ายสักประการใด

    เซียมซีมีกี่ใบ แล้วทำไมต้องมีจำนวนเท่านั้น
    เซียมซีส่วนใหญ่จะมี ๒๘ ใบ สำหรับเหตุผลที่เซียมซีส่วนใหญ่จะมี ๒๘ ใบนั้น อาจารย์วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีน บอกว่า น่าจะมาจากจำนวนทิศทั้ง ๔ ซึ่งมีดาวบริวารอยู่ ๗ กลุ่ม เมื่อรวมแล้วได้ ๒๘ แต่ไม่ได้หมายความว่าเซียมซีจะต้องมี ๒๘ ใบเสมอไป เช่น ศาลเจ้าบริเวณใกล้ๆ กับวัดกัลยาวรมหาวิหาร ซึ่งถือเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ มี ๖๐ ใบ ในขณะที่ศาลเจ้าพ่อกวนอูบริเวณเชิงสะพานตากสิน (หรือสะพานพุทธ) ซึ่งเคยเป็นที่พักของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีจำนวนใบเซียมซีมากถึง ๕๐ ใบ

    เซียมซีมีความเป็นมาอย่างไร
    การเสี่ยงเซียมซี เป็นโหราศาสตร์ อันเก่าแก่แขนงหนึ่ง ซึ่งมีถิ่นกำเนิดมาจาก ประเทศจีนไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ ปี ราวในสมัยราชวงศ์ซ้อง (พ.ศ. ๑๕๐๒-๑๘๒๒) ส่วนการเผยแพร่ในประเทศไทยนั้น ไม่มีปรากฏหลักฐานบันทึกไว้อย่างชัดเจน แต่ก็มีการสันนิษฐานว่า น่าจะเข้ามาพร้อมๆ กับกระถางธูปจีนในสมัยอยุธยา ส่วนจะมีการใช้เซียมซีเพื่อ การเสี่ยงทายด้วยหรือไม่นั้น ยังไม่เด่นชัด ในรัตนโกสินทร์ได้ค้นพบหลักฐานแห่งแรก ตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๕) ที่วัดกัลยาณมิตร ธนบุรี โดยนายเปลี่ยน แซ่ซ้อง ผู้แปลเซียมซีภาษาจีนเป็นภาษาไทย

    ความเชื่อของคำนายในเซียมซีนั้นขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนั้นๆ บางคนก็เชื่ออย่างสนิทใจ บางคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ในขณะที่บางคนไม่เชื่อเลย แต่คำทำนายในเซียมซีนั้น ทุกใบแฝงด้วยปริศนาธรรม ทั้งที่บอกตรงๆ และบอกแบบอ้อมๆ เนื้อหาในเซียมซีนั้น ในใบเดียวกันจะมีคำทำนายทั้งดีและไม่ดีปนกัน โชคดีเรื่องสุขภาพแต่จะไม่มีโชคลาภ จะให้กำลังใจ เพราะคนเมื่อมีความทุกข์มาก ก็จะไปเสี่ยงเซียมซี แรงอธิษฐานก็มาก

    จริงๆ แล้วคำทำนายในเซียมซีไม่ได้สอนให้คนงมงาย แต่เป็นการเสี่ยงทาย เพื่อปลูกฝังกำลังใจให้กล้าแข็งขึ้น รวมทั้งเป็นสติเครื่องเตือนใจไม่ให้ประมาท ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทำสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นเครื่องเตือนสติได้ดียิ่งกว่าคำพูด ของผู้รู้เสียอีก" นี่คือคำยืนยันของ นายธรรมจักร สิงห์ทอง บรรณาธิการสำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง (ปธ.๙)

    สำหรับความแม่น และคำทำนายที่โดนใจเรื่องการเสี่ยงเซียมซีนั้น อาจารย์ ลักษณ์ เรขานิเทศ เลขาธิการสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ บอกว่า การจะระบุว่าที่ใดขลังหรือไม่นั้น ไม่สามารถบอกได้ แต่มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคนนิยม ไปเสี่ยงเซียมซี อยู่หลายแห่ง เช่น ศาลกรมหลวงชุมพรฯ บริเวณพณิชยการพระนคร

    ส่วนขั้นตอนการเสี่ยงเซียมซีนั้น ต้องเริ่มต้นจากการมากราบไหว้สถานที่ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น องค์พระพุทธรูป หรือเจ้าพ่อ เจ้าแม่ประจำศาลเจ้าในที่ต่างๆ และเมื่อกราบไหว้เรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการเสี่ยงทายด้วยเซียมซี

    การเสี่ยงทายต้องประกอบด้วย
    1.ต้องมีเจตนาที่บริสุทธิ์ มีความปรารถนา มีความมุ่งมั่น หรือมีความตั้งใจ ที่ต้องการทราบเรื่องราวความเป็นไป ในอนาคตของตน

    2.การตั้งจิตเสี่ยง อธิษฐาน เมื่อได้กราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในสถานที่นั้นแล้ว หากต้องการเสี่ยงเซียมซี ก็ขอให้ตั้งจิตอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์

    3.เมื่อกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยการส่งจิต ระลึกถึง แสดงความเคารพด้วยดอกไม้ธูปเทียนแล้ว หลังจากนั้น ก็ให้ขอพรต่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บางสถานที่จะมี การเสี่ยงเซียมซี โดยเมื่อเสี่ยงแล้วจะมีการเสี่ยงด้วยไม้ปวย ไม้ปวย เป็นอุปกรณ์ สำหรับการเสี่ยงทาย สรุปตัดสินจากการเสี่ยงใบเซียมซี ไม้ปวยประกอบด้วย ไม้รูปโค้งเสี้ยวพระจันทร์ ๒ อันประกบกันได้ คล้ายๆ ไม้กรับ เรียกว่า ไม้คว่ำ ไม้หงาย

    ไม้ปวย เมื่อเสี่ยงได้ตู้เซียมซีขึ้นมาหนึ่งอัน ก็ต้องเสี่ยงไม้ปวย (จะพบในศาลเจ้าบางแห่งเท่านั้น) เพื่อเสี่ยงทายว่าตู้เซียมซีนั้นเป็นของตน หรือเป็นจริงตามนั้นใช่หรือไม่ กล่าวคือ เมื่อหยิบไม้ปวยขึ้นมาเสี่ยง ให้อธิษฐานจิตว่า "ตู้เซียมซีที่เสี่ยงมา เขย่าแล้ว ใช่ของตนหรือไม่ จะประสบความสำเร็จตามใบเซียมซีนี้หรือไม่"

    จากนั้นก็โยนไม้ปวยไปข้างหน้า เฉียงมาทางด้านขวามือ ผลของการโยนไม้ปวย จะแสดงออกมาใน ๓ ลักษณะคือ ประการแรก ไม้ปวยคว่ำทั้ง ๒ อัน ประการที่สอง ไม้ปวยหงายทั้ง ๒ อัน ประการที่สาม คว่ำอันหนึ่ง หงายอันหนึ่ง

    คำอธิบายการเสี่ยงไม้ปวยคว่ำ ไม้ปวยหงาย ถ้าไม้นั้นหงายทั้ง ๒ หมายความว่า ฟรีเปล่า ผู้เสี่ยงทายต้องเขย่าเซียมซีใหม่อีก เมื่อได้หมายเลขใดก็โยนไม้คู่ คือ ไม้ปวยอีก ถ้าไม้นั้นคว่ำทั้ง ๒ ก็หมายความว่า ยังไม่ใช่ ยังไม่ได้ หรือว่าไม่ใช่เลขของผู้เสี่ยงทาย ผู้เสี่ยงทายต้องเขย่าอีก คราวนี้ได้เลขแล้ว เสี่ยงไม้คู่อีก ถ้าไม้คว่ำอันหนึ่ง หงายอันหนึ่ง หมายความว่า ได้แล้ว คือเลขเซียมซีของผู้เสี่ยงทาย ก็ตรวจดูคำทำนายตามใบเซียมซี ให้หมายความอย่างไรก็คือ คำทำนายที่แม่นแน่แล้ว สรุปก็คือไม้ปวยจะต้องคว่่ำอันหนึ่ง และหงายอันหนึ่ง

    สามารถทดลองเสี่ยงเซียมซี ได้ที่ http://horoscope.thaiorc.com/prophecy/siemsee.php