วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การให้ทาน

ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ขนะมาร
อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน


การให้ทาน คือการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทนโดยหมายให้ผู้ได้รับได้พ้นจากทุกข์ แบ่งออกเป็น ๓ อย่างได้แก่

๑.อามิสทาน คือการให้วัตถุ สิ่งของ หรือเงินเป็นทาน

๒.ธรรมทาน คือการสอนให้ธรรมะเป็นความรู้เป็นทาน

๓.อภัยทาน คือการให้อภัยในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ดีกับเรา ไม่จองเวร หรือพยาบาทกัน

การให้ทานที่ถือว่าเป็นความดี และได้บุญมากนั้นจะประกอบด้วยปัจจัย ๓ ประการอันได้แก่

๑.วัตถุบริสุทธิ์ คือเป็นของที่ได้มาโดยสุจริต ไม่ได้ไปยักยอกมา โกงมา หรือได้มาด้วยวิธีแยบยล

๒.เจตนาบริสุทธิ์ คือมีจิตยินดี ผ่องใสเบิกบาน ไม่รู้สึกเสียดายสิ่งที่ให้ ตั้งแต่ก่อนให้ ขณะให้ และหลังให้

๓.บุคคลบริสุทธิ์ คือให้กับผู้รับที่มีศีลธรรม ตัวผู้ให้เองก็ต้องมีศีลที่บริสุทธิ์

การให้ทานที่ถือว่าไม่ดี และยังอาจเป็นบาปกรรมถึงเราทางอ้อมอีกด้วยได้แก่

๑.ให้สุรา ยาเสพย์ติด เป็นต้น (ถ้าเขาเมาแล้วขับรถชนตาย เราก็มีส่วนบาปด้วย)

๒.ให้อาวุธ (ถ้าอาวุธนั้นถูกเอาไปใช้ประหัตประหาร บาปก็มาถึงเราด้วย)

๓.ให้มหรสพ คือการบันเทิงทุกรูปแบบ

๔.ให้สัตว์เพศตรงข้ามเพื่อผสมพันธุ์ อันนี้รวมถึงการจัดหาสาวๆ ไปบำเรอผู้มีอำนาจหรือผู้น้อยด้วยเป็นต้น

๕.ให้ภาพลามก หรือสิ่งพิมพ์ลามก เพราะทำให้เกิดความกำหนัด เกิดกามกำเริบ (เมื่อดูแล้วเกิดไปฉุดคร่า ข่มขืนใคร บาปก็ตกทอดมาถึงเราด้วย)
ข้อมูลจาก ธรรมะไทย

สนับสนุนบทความโดย http://horoscope.thaiorc.com/

ไม้ประดับมงคล ออมเงิน ออมทอง



ลักษณะทั่วไป
ออมเงินออมทองเป็นพรรณไม้เลื้อยมีลำต้นเป็นเถาซึ่งมีรากยึดเกาะกับวัสดุอื่นๆเช่นไม้หลักไม้ยืนต้นลำต้นมีข้อและแตกรากออกมาจากข้อลำต้นมีสีเขียวผิวลำต้นเรียบใบเป็นใบเดี่ยวออกตามข้อมีก้านใบยาวประมาณ10-15เซนติเมตรใบกลมมนโคนใบเว้าลึกทำให้เกิดหูใบทั้งสองข้าง ปลายใบเรียวแหลมกลางใบสังเกตุเห็นได้ชัด ผิวใบตรงกลางเป็นสีขาวหรือเหลืองแล้วมีสีเขียวล้อมรอบ ลักษณะใบคล้ายกับเงินไหลมา แต่จะต่างกันที่ใบ คือ ใบจะไม่เป็นแฉกลึกเหมือนกับเงินไหลมา

การเป็นมงคล
คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นออมเงินออมทองไว้ประจำบ้านทำให้มีเงินมีทองมาก เพราะต้นออมเงินออมทอง เป็นไม้มงคลนาม นอกจากนี้การออมเงินออมทอง ก็คือการเก็บหอมรอมริบ หรือการสะสมเงินทองไว้ให้มากนั่นเอง

ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัยควรปลูกต้นออมเงินออมทอง ไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทั่วไปทางใบให้ปลูกในวันอังคาร

การปลูก
การปลูกแบ่งเป็น 2 วิธี
1. การปลูกในกระถางเพื่อใช้ประดับภายในและภายนอกอาคารใช้กระถางทรงสูงขนาด 8x14 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก:ขุยมะพร้าว:ดิน ร่วนอัตรา1:1:1 ผสมดินปลูกและควรใช้ไม้หลักที่หุ้มด้วยกาบมะพร้าวปักไว้ตรงกลางกระถางด้วยเพื่อให้ลำต้นยึดเกาะหรือเลื้อยการ เปลี่ยนกระถางควรเปลี่ยน1-2 ปี /ครั้ง หรือ แล้วแต่ความเหมาะสมของทรงพุ่มเพราะการขยายตัวของรากแน่นเกินไป และเพื่อการเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป

2. การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน การปลูกแบบนี้ควรทำร้านหรือซุ้ม เพื่อให้ลำต้นเลื้อยขึ้นไป ขนาดหลุมปลูก 20 x 20 x 20 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 2 ผสมดินปลูกถ้าจะไม่ให้เลื้อยควรตัดแต่งเถาหรือยอดให้สั้น นิยมปลูกเป็นกลุ่มเพื่อตกแต่งสวน

สนับสนุนข้อมูลดีๆ โดย www.thaioracle.com/



ฮวงจุ้ยห้องทำงาน - ห้องประชุม

 
ไม่นั่งหันหลังให้กับประตูเพราะจะทำให้ผู้ร่วมงานคดโกงและคิดไม่ซื่อ

ส่วนห้องทำงานของผู้จัดการในทางวิชาฮวงจุ้ยถือว่าอนาคตของกิจการนั้นขึ้นอยู่ที่ฮวงจุ้ยห้องทำงานของผู้จัดการ ดังนั้นถ้าคุณเป็นผู้จัดการก็จงให้ความใส่ใจกับหลักเกณฑ์ของการจัดฮวงจุ้ยของห้องทำงาน เพื่อที่จะช่วยให้กิจการมีความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองและมีกำไร ซึ่งมีหลักเกณฑ์ดังนี้ คือ

ห้องทำงานผู้จัดการควรตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ไกลจากประตูหน้ามากที่สุด หรือตั้งอยู่ลึกที่สุด แต่ต้องไม่ตั้งอยู่ปลายสุดทางเดิน

ถ้าห้องทำงานเป็นรูปตัวแอล ( L ) ถือว่าไม่ดี ให้ทำการแก้ไข โดยการติด กระจกเงาหรือเพิ่มแสงไฟ

ไม่ตั้งโต๊ะใต้คานหรืออยู่ในตำแหน่งที่ถูกเล็งจากมุมเสาหรือมุมห้องที่ยื่นและรีบจัดการแก้ไขสิ่งเหล่านี้ให้หมดไปโดยเร็ว

ทำการเสริมฮวงจุ้ยแห่งความมั่งคั่งของกิจการด้วยการติดตั้งน้ำพุหรืออ่างเลี้ยงปลาเอาไว้ในทิศตะวันออกเฉียงใต้

ห้องทำงานควรเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก ซึ่งดีกว่าห้องรูปทรงอื่นๆ

ไม่นั่งทำงานอยู่ใกล้กับประตู เพราะจะทำให้จิตใจว้าวุ่นไม่มีสมาธิ และกิจการต้องพบกับอุปสรรคเป็นพักๆ

ไม่นั่งหันหลังให้กับประตูเพราะจะทำให้ผู้ร่วมงานคดโกงและคิดไม่ซื่อ

ไม่ติดตั้งชั้นหนังสือเอาไว้ด้านหลังของโต๊ะทำงาน เพราะจะมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้จัดการและทำให้กิจการไม่เจริญรุ่งเรือง

ตรวจดูให้แน่นอนว่าไม่มีศรพิฆาตพุ่งตรงมายังประตูห้องทำงานของผู้จัดการ

โต๊ะทำงานของผู้จัดการควรอยู่ไกลจากประตูให้มากที่สุด และพยายามนั่งอยู่ตำแหน่งที่หันหน้าไปสู่ประตูทางเข้าห้อง ถ้าเป็นไปได้ก็ควรที่จะหันโต๊ะไปสู่ทิศที่ดีที่สุด ที่เป็นทิศประจำตัว แต่ต้องหันหน้าไปสู่ประตูห้องและไม่อยู่ตรงกับแนวประตูห้อง

ส่วนห้องประชุมที่ดีจะต้องออกแบบและตกแต่งเพื่อปกป้องคุ้มครองให้กับประธานการประชุม ตำแหน่งที่ประธาน นั่งต้องอยู่ไกลจากประตูมากที่สุด และด้านหลังของที่นั่งต้องเป็นผนังทึบ
ห้องประชุมไม่ควรมีประตูหลายบานเพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้งและโต้เถียง ดีที่สุดคือมีประตูเพียงหนึ่งบาน
ห้องประชุมถูกใช้เป็นที่ปรึกษาหารือและต่อรอง ดังนั้นประธานจึงควรนั่งหันหน้าไปสู่ทิศที่ดีที่สุด และโต๊ะประชุมควรเป็นโต๊ะทรงกลมไม่มีเหลี่ยมมุมใดๆ

จากหนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ สนับสนุนบทความโดย http://horoscope.thaiorc.com/

สีผ้าปูที่นอน ส่งผลถึงการนอน


เรื่องของสีกับบ้านเป็นของคู่กันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร สำหรับห้องนอน ซึ่งถือเป็นห้องหลักที่คนใช้เวลาพักผ่อนและทำกิจกรรมต่างๆจึงควรใส่ใจเรื่องสีเป็นพิเศษ

ดูจากผลการวิจัยของสถาบันต่างๆ จะพบว่า สีมีผลต่ออารมณ์ของผู้ที่อยู่อาศัยทั้งในด้านจิตใจ
ระดับพลังงาน หรือแม้แต่ความกระฉับกระเฉง สีที่แตกต่างกันสามารถปรับสภาพอารมณ์ของเจ้าของห้องให้คึกคักหรือสงบลงได้ แต่ครั้นจะเปลี่ยนสีห้องบ่อยๆ ก็คงสิ้นเปลืองวุ่นวายโดยใช่ที่ ลองเลือกวิธีง่ายกว่าด้วยการเน้นไปที่เตียงนอน ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์หลัก โดยเลือกเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้เหมาะกับสภาพอารมณ์ของผู้นอนได้ง่ายกว่า


warm up โทนร้อนเพิ่มความอบอุ่น เป็นกันเอง
แดง
บางคนเข้าใจว่าสีแดงไม่เหมาะกับห้องนอน ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการพักผ่อน
เพราะเป็นสีที่เพิ่มพลังงานในร่างกายและช่วยในการไหลเวียนสูบฉีดโลหิต
แต่สำหรับเจ้าของห้องที่กำลังซึมเศร้า หดหู่ ผ้าปูที่นอนสีแดงอาจจะช่วยให้กระฉับกระเฉงขึ้นได้

ส้ม
สีส้มทำให้ห้องอุ่นขึ้นเช่นเดียวกับสีแดง แต่จะดูเป็นมิตรมากกว่า
เลือกผ้าปูที่นอนสีส้มสำหรับห้องนอนเด็กหรือห้องนอนแขกในบ้าน
จะช่วยให้แกรู้สึกสบายใจและผ่อนคลายมากขึ้น

เหลือง
สีเหลืองทำให้ห้องสว่างขึ้น ขณะเดียวกันก็เรียกความสนใจและจับสายตาได้ไวกว่าสีอื่นๆ
ในห้องนอนของผู้สูงอายุ ซึ่งสายตาไม่ค่อยดี ผ้าปูที่นอนสีเหลืองอ่อนจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะ
แต่ควรระวังไม่ใช้ผ้าปูสีเหลืองเข้ม เพราะอาจจะแรงเกินไปจนทำให้รู้สึกเหนื่อยได้

ข้อควรระวังของสีโทนอุ่นก็คือ สีโทนนี้จะกระตุ้นความอยากอาหาร
อาจทำให้เจ้าของห้องทานมื้อดึกบ่อยๆ ได้
เพราะฉะนั้นผู้ที่กำลังลดน้ำหนักคงต้องหลีกเลี่ยงสีโทนร้อนที่เข้มเกินไปเสียหน่อย


cool out โทนเย็นเพื่อความผ่อนคลาย
ฟ้า
สีที่เหมาะกับการพักผ่อนมากที่สุด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อีกทั้งยังทำให้นอนหลับสบาย
สำหรับห้องนอนของเด็กและผู้ใหญ่ ผ้าปูที่นอนสีฟ้ารับรองได้ว่าไม่ผิดหวัง

เขียว
สีที่มาจากธรรมชาติ ทำให้รู้สึกสงบและมีผลกับการรักษาอาการเจ็บป่วย
จึงไม่น่าแปลกที่เตียงนอนในโรงพยาบาลจะเลือกใช้สีเขียวเป็นหลัก
ครั้งหน้าถ้าหากรู้สึกไม่สบาย ลองหยิบผ้าปูที่นอนสีเขียวมาใช้เป็นการรักษาทางอ้อมอย่างง่าย

ม่วง
สีที่เป็นตัวกลางระหว่างโทนร้อนกับโทนเย็น ด้วยเฉดสีที่ออกขุ่น
อาจจะทำให้ผู้ใหญ่หลายคนไม่ชอบ แต่กับห้องนอนของเด็ก สีม่วงก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม


black & white ดำ-ขาวใช่ว่าจะใช้ไม่ได้ดำ
ผ้าปูที่นอนสีดำจะทำให้รู้สึกร้อนและจำกัดความกว้างของห้อง
เจ้าของห้องจะรู้สึกอึดอัดจนเก็บไปฝันร้าย ห้องขนาดเล็กจึงไม่ควรใช้ แต่ในทางกลับกัน
ผ้าปูที่นอนสีดำกับห้องโล่งกว้างสว่างที่อากาศค่อนข้างเย็นก็เข้ากันได้ดี ดูเท่ไปอีกแบบ

ขาว
ผ้าปูที่นอนสีขาวเป็นหนึ่งในสีเบสิกที่ใช้ได้บ่อยไม่มีเบื่อ
ทำให้เกิดความรู้สึกแง่บวกและสบายตา แต่ขณะเดียวกันสีขาวก็ไม่เพิ่มอุณหภูมิของห้องนัก
ดังนั้นในฤดูหนาวหรือห้องกว้างที่อากาศค่อนข้างเย็น สีขาวก็จะไม่ช่วยให้รู้สึกอุ่นขึ้นเท่าไรนัก


แก้ไขความเข้าใจผิด

มีบางทฤษฎีที่แตกต่างจากการวิจัยว่า สีโทนร้อนทุกเฉดสีไม่ได้กระตุ้นให้ตื่นตัวได้เสมอไป
เช่นเดียวกับสีโทนเย็นบางเฉดสีอาจจะไม่ได้ทำให้รู้สึกสงบผ่อนคลาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสี และความสว่างเป็นองค์ประกอบเสริม สีฟ้าเข้มกับสีแดงเข้มอาจจะส่งผลในการกระตุ้นพลังงานได้ไม่ต่างกัน


สนับสนุนบทความดีๆ โดย http://horoscope.thaiorc.com/ 

หลักฮวงจุ้ย การใช้แสงจากโคมไฟ


การใช้แสงไฟและหลอดไฟเพื่อเสริมฮวงจุ้ยหรือเพื่อแก้ไขความผิดพลาด ความบกพร่องต่างๆ ทางวิชาฮวงจุ้ยนับได้ว่าเป็นวิธีการที่ง่ายและใช้กันอย่างแพร่หลายไม่แพ้การใช้ต้นไม้ แสงไฟ-หลอดไฟเป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไฟ ดังนั้นจึงมักใช้ในการกระตุ้นพลังและมงคลในทิศใต้ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันออกและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

แสงไฟเป็นพลังหยางใช้สำหรับรักษาสมดุลกับพลังหยิน และช่วยดึงดูดพลังและมงคลโดยการฉายส่องไปยังวัตถุหรือพื้นที่ที่ต้องการ

ติดตั้งหลอดไฟที่มุมหรือด้านที่ขาดหายไปของบ้านหรือที่ดินเพื่อสร้างสมดุลหรือชดเชยส่วนที่ขาดหายไป

ติดตั้งหลอดไฟในพื้นที่ด้านหน้าของอาคารโดยให้ตรงกับบริเวณมุมอาคารทั้ง 2 ข้าง ข้างละ 1 ดวง และติดอีกหนึ่งดวงที่บริเวณหลังอาคารให้ตรงกับจุดกึ่งกลางของอาคาร โดยให้ตำแหน่งความสูงของหลอดไฟที่ติดเท่ากับความสูงของยอดหลังคา ซึ่งจะช่วยดึงดูดพลังที่ดีเข้ามาและช่วยแก้ไขเรื่องการจัดวางตำแหน่งอาคารที่ไม่ได้สมดุลกับขนาดของพื้นที่

ติดไฟเอาไว้บริเวณพื้นที่หลังบ้านทั้งสองข้างในกรณีที่พื้นที่ที่ใช้ปลูกอาคารมีรูปร่างไม่เป็นสี่เหลี่ยมมุมฉาก

ติดไฟเอาไว้ริมทางของถนนหรือทางรถที่เข้าสู่ตัวบ้านหรือตัวอาคาร ในกรณีที่ถนนมีความเล็กแคบจนเกินไปหรือติดเอาไว้เฉพาะส่วนที่แคบ

แสงไฟจากโคมระย้าหรือโคมกิ่ง ซึ่งประกอบขึ้นด้วยเจียระไนชิ้นเล็กๆ มาประกอบกันเป็นลวด ลายต่างๆ จะให้พลังแห่งความเป็นมงคลได้ดีที่สุด แต่จะเป็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อเปิดไฟเท่านั้น และตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะติดหรือแขวนโคมระย้าก็คือบริเวณกลางบ้าน กลางห้องโถงหรือกลางห้องรับแขกซึ่งถือว่าเป็น ตำแหน่งของธาตุดิน และแส่งไฟจากโค้มระย้าซึ่งเป็นธาตุไฟจะช่วยกระตุ้นธาตุดินให้มีพลังมากยิ่งขึ้น

โคมไฟหรือหลอดไฟที่ใช้ต้องไม่มีเหลี่ยมมุมที่จะทำให้เกิดศรพิฆาต

สีของแสงไฟที่ใช้จะต้องให้ถูกกับทิศที่ติดตั้งด้วยจึงจะเป็นมงคล เช่น ทิศเหนือใช้แสงสีน้ำเงินหรือสีฟ้า เพราะเป็นสีของธาตุน้ำ ซึ่งเป็นธาตุประจำทิศเหนือ แต่โดยทั่วๆ ไปก็อาจจะใช้สีกลางๆ คือสีขาวนวลหรือแสงจันทร์ โคมไฟตั้งโต๊ะต้องดูรูปทรงของโคมไม้ดีด้วย ถ้ามีเหลือมุมก็อาจจะก่อให้เกิดศรพิฆาตถ้ารูปเหมือนฆ้อนก็จะเป็นอัปมงคลต่อผู้ใช้

ที่มา : ท่านปรมาจารย์วรธนัท อัศกุลโกวิท


สนับสนุนบทความดีๆ โดย http://horoscope.thaiorc.com/

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ว่านธรณีสาร ว่านมงคลที่ควรปลูก



ว่านธรณีสารมีหลายชื่อเรียกตามท้องถิ่น เช่น เฮี้ยะเอ้โท้,มะขามป้อมดิน (เชียงใหม่), เสนียด (ภาคกลาง) และก็เชื่อว่าคนที่อายุเข้าเลขสี่ หลายๆ คนคงรู้จักมักคุ้นกันดี เพราะเป็นว่านที่หาง่าย พบทั่วไป ที่สำคัญเป็นว่านที่ใช้ในการประกอบพิธีมงคล ขับไล่สิ่งอัปมงคลเสนียดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ปัจจุบันอาจพบเห็นว่านธรณีสารน้อยลง เนื่องจากกาลเวลาเปลี่ยนไป สิ่งบางสิ่งก็จำต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเช่นกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปตามเวลานั่นคือ ความศักดิ์สิทธิ์ และสรรพคุณทางยาที่มีอยู่ในว่านธรณีสารไม่เคยแปรเปลี่ยน ยังคงเดิมเสมอ

สมัยรุ่นปู่ย่าตายาย เมื่อคราใดที่มีพิธีมงคล สิ่งหนึ่งที่ขาดเสียมิได้ คือ ต้องมีกิ่งของว่านธรณีสารอยู่ในพิธีด้วยเสมอ ปัจจุบันว่านธรณีสารกำลังจะสาบสูญไปจากสังคมไทยเนื่องจากทัศนคติของคนไทยกำลังเปลี่ยนไป

ว่านธรณีสารยังคงความสำคัญก็ตามชนบทที่ทุรกันดารหรือในชนบทบางพื้นที่ที่ยังคงเชื่อถือเรื่องไสยสาสตร์มนต์ดำอยู่เพราะเชื่อว่าว่านธรณีสารสามารถแผ่อิทธิคุณคุ้มครองอาณาบริเวณนั้นให้รอดพ้นจากมนต์ดำ ความจัญไรได้อย่างสบาย ซึ่งคุณวิเศษของว่านธรณีสารนั้นมีมากกว่าที่หลายๆ คนจะคาดคิด ไม่เช่นนั้น คนสมัยโบราณคงไม่ยกย่องให้ว่านธรณีสารเป็นไม้มงคลชั้นสูงเป็นแน่

ลักษระของว่านธรณีสาร สิ่งหนึ่งที่ไม่เหมือนกับว่านทั่วไป คือ ว่าธรณีสารเป็นไม่ยืนต้น ขนาดเล็ก สูงเต็มที่ประมาณ 3-4 ฟุต มีลำต้นขึ้นไปตรงๆ เหมือนกับไม้ยืนต้นทั่วไป ลำต้นกลมเล็กตรง มีก้านใบ และลักษณะใบคล้ายใบมะยม แต่ใบเล็กกว่ามะยมมาก ลักษระต้นจะแจ้เตี้ยถ้าเปลูกมากๆ เป็นกลุ่มก็ดูสวยงามดี มีดอกสีแดง เล็กๆ ห้อยเป็นตุ่มอยู่ตามใต้ท้องใบ ลักษณะเป็นราวคู่กันไปจนถึงปลายก้านใบคล้ายกับลูกใต้ใบ มีบางท่านกล่าวว่าว่านธรณีสารนั้นไม่ใช่ว่าน แต่จัดอยู่ในกลุ่มพืชสมุนไพร ซึ่งถ้ามองตามหลักพฤกษศาสตร์ ก็อาจหมายถึงพืชที่เป็นสมุนไพรในวงศ์สลัดได แต่ถ้าตามหลักอาถรรพ์เวทแล้วธรณีสารก็มีบันทึกไว้ในตำราว่าน มีการกล่าวถึงอิทธิคุณไว้อย่างชัดเจนด้วยเหมือนกัน ส่วนนี้ก็เป็นการมองอีกทัศนะหนึ่ง ผู้เขียนจะไม่ขอหักล้างความคิดผู้ใด แล้วแต่ความเห็นส่วนตัว

ประโยชน์ โบราณท่านบันทึกไว้ว่า ธรณีสารสามารถใช้ทางประกอบพิธีประพรมน้ำพระพุทธมนต์ ในงานศิริมงคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น งานขึ้นบ้านใหม่ งานแต่ง งานวันเกิด ฯลฯ โดยจะนำกิ่งหรือก้านใบธรณีพิธีและมงคลแก่สถานที่นั้นๆ ปัจจุบันไม่มีให้เห็นแล้ว เนื่องจากเวลาพระประพรมน้ำมนต์ก็มักใช้ก้านมะยมบ้าง ก้านมะพร้าวบ้าง ธรณีสารจึงถูกลดบทบาทลง แต่ในต่างจังหวัดบางที่ก็ยังคงใช้ธรณีสารผสมกับก้านมะยมประพรมน้ำมนต์

ส่วนสรรพคุณทางด้านแพทย์แผนโบราณ ธรณีสารเป็นที่นิยมมากและรู้จักกันมาช้านานแล้วสรรพคุณทางเภสัช ใช้ปรุงยาขับลมในลำไส้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังใช้ได้ผลดี สำหรับโรคของเด็กใช้ใบธรณีสารมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับพิมเสนพอสมควรใช้ยานี้กวาดคอ สำหรับเด็กที่เป็นไข้ ตัวร้อน หรือว่าเด็กเป็ฯตาลทราง หรือในผู้ใหญ่ที่ท้องอืดท้องเฟ้อ ปวดท้อง ใช้ต้นและรากต้มน้ำกินเป็นยาขับลมได้ ใบตำเป็ฯยาพอกเหงือกบวม แก้ปวดฟัน และตำพอกตามร่างกายแก้ผื่นคัน สรรถคุณทางยานี้ผู้ไม่มีความชำนาญหากต้องการใช้ต้องปรึกษาแพทย์แผนโบราณก่อน

สนับสนุนบทความดีๆ โดย www.thaioracle.com/






                                                










เทพเต่ามังกร (หลิงอิงจินหลงกุย)


จากอดีตกาลจนถึงปัจจุบันร่วมนับพันปี ได้มีการใช้รูปปั้นสัตว์มงคล เพื่อเป็นการส่งเสริมพลังปราณชี่รุ่งเรือง และเพื่อต่อต้านพลังปราณชี่พิฆาต โดยการจัดวางรูปปั้นสัตว์มงคลไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น การตั้งรูปปั้นสิงโต ด้านหน้าสถานที่ราชการ เพื่อเป็นการเพิ่มบารมี บ้านตระกูลสูงศักดิ์ตั้งรูปปั้นกิเลน เพื่อเพิ่มความน่าเกรงขาม หรือบ้านที่อยู่อาศัยตั้งรูปปั้น คางคก 3 ขา เต่า กระเรียน เพื่อช่วยคุ้มครองความปลอดภัย และเพิ่มโชคลาภให้ผู้ที่อยู่อาศัย เป็นต้น

รูปปั้นสัตว์มงคลที่นิยมนำมาใช้ ได้แก่ มังกร กิเลน ปี่เซี๊ยะ ( ผี่ซิว ) เต่า และเต่าหัวมังกร ในอดีตเมื่อหลายพันปี มีการค้นพบแผนผังลั่วซูบนหลังเต่าที่ขึ้นมาจากแม่น้ำลั่วหยาง และแผนผังนี้ก็ได้นำมาเป็นแผนผังโป่ยข่วย หรือ แผนผังแปดทิศ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

เนื่องจากเต่าเป็นสัตว์มงคลที่มีความเกี่ยวพันกับเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงมีการนำรูปปั้นเต่ามาใช้เพื่อส่งเสริมความเป็นมงคลให้กับชีวิต และเพื่อหลีกเลี่ยงเคราะห์ภัยต่างๆ จึงนับได้ว่ารูปปั้นเต่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งสำหรับฮวงจุ้ย

เต่าเป็นสัตว์ที่อายุยืน ดังนั้นการวางรูปปั้นเต่าไว้ในบ้านจึงช่วยส่งเสริมให้คนสูงอายุในบ้านมีอายุยืน คนเจ็บคนไข้หายเจ็บป่วย คนหนุ่มคนสาวจะมีโชคมีลาภ และเด็กเล็กเจริญเติบโต ในขณะเดียวกันยังสามารถใช้เต่าเพื่อสลายพลังปราณชี่พิฆาตได้ด้วย โดยการตั้งเต่าให้หันหน้าไปยังทิศที่มีปราณชี่พิฆาตต่างๆ

เต่า เป็นหนึ่งในสี่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในระบบสัญลักษณ์ของจีนที่ทำหน้าที่ประดุจ “จตุโลกบาล” ผู้พิทักษ์รักษาคุ้มครองโลกทั้ง 4 ทิศ อันประกอบด้วย


ทิศเหนือ...เต่า - ธาตุน้ำ หมายถึง ความสุข อายุวัฒนะ
ทิศใต้...หงส์ - ธาตุไฟ หมายถึง นิมิตหมายที่เป็นมงคล โชค
ทิศตะวันออก...มังกร - ธาตุลม หมายถึง อำนาจที่ยิ่งใหญ่
ทิศตะวันตก...กิเลน - ธาตุดิน หมายถึง ปัญญา ความยุติธรรม

เต่าหัวมังกร ชิงถง ถัวหลง เป็นชื่อเรียกโบราณวัตถุในพระราชวังกู้กง ( พระราชวังต้องห้าม นครปักกิ่ง ) คำว่าชิงถงถัวหลง เป็นเต่ามังกรทองสัมฤทธิ์ เต่าหัวมังกร เป็นการรวมมหาพลังของ มังกร และ เต่า ซึ่งเป็นสัตว์แห่งสรวงสวรรค์สองในสี่ชนิดในระบบสัญลักษณ์ของจีน เต่าหัวมังกร รวมพลังแห่งความกล้าหาญปรีชาสามารถ อำนาจบารมีศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ของมังกร กับพลังแห่งความมั่นคง อายุวัฒนะ สุขะ พละยืนยาวของเต่า

ปัจจุบันกำลังอยู่ในยุค 8 การเสริมสิริมงคลด้วยสัตว์มงคลในระบบสัญลักษณ์ของจีนจึงเป็น “รหัสสู่ความสำเร็จ”

นอกจาก “ปี่เซียะ” สัตว์เทพสวรรค์บันดาลโชคแล้ว ต้องถือว่า “เต่ามังกร” กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักธุรกิจ พ่อค้า คหบดี และผู้บริหารทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะในฮ่องกงที่ถือว่ามีความเจริญทางเศรษฐกิจสูง และศาสตร์ฮวงจุ้ยจีนเป็นของขาดไม่ได้ในวงการธุรกิจและผู้รักความก้าวหน้า ณ เวลานี้ “เต่ามังกร”กำลัง “บูมสุด ๆ” ในฮ่องกง และหมู่ผู้เข้าถึง “ศาสตร์ว่าด้วยความเป็นสิริมงคล"

ผู้ใดปรารถนาเจริญด้วย อายุ วัฒนะ อำนาจ วาสนา บารมี โบราณาจารย์ท่านว่า...เต่ามังกร...คือคำตอบสุดท้าย

ขั้นตอนวิธีการทำเคล็ดเทพเต่ามังกร

1.ทำการเลือกวันที่มีความเป็นมงคลเพื่อตั้งวางเทพเต่ามังกร โดยตำแหน่งที่จะตั้งวางเทพเต่ามังกร มีอยู่ด้วยกันหลายตำแหน่ง ซึ่งแต่ละตำแหน่งล้วนเป็นอิสระในการให้ความเป็นมงคล และแก้ไขความเป็นอัปมงคล อันได้แก่
- ตำแหน่งดาวเหินประจำปีหมายเลข 8
- ตำแหน่งไท่ซุ่ย และซุ่ยพ่อ
- ตำแหน่งดาวที่เป็นอัปมงคลต่างๆ
- ตำแหน่งราศีประจำตัว และตำแหน่งราศีที่ชงกับราศีประจำตัว
- ตำแหน่งประจันกับประตูหน้า (ด้านในซึ่งเฉพาะในตำแหน่งนี้ จะต้องตั้ง 2 ตัวหันหน้าไปสู่ประตูหน้า)
- ตำแหน่งด้านหลังของหัวเตียง หรือบนหัวเตียง
- ตำแหน่งบนขอบหน้าต่าง (โดยหันหน้าออกไปนอกอาคาร)

2.ตำแหน่งที่จะตั้งวางเทพเต่ามังกร ต้องมีแสงสว่างส่องเข้าได้ถึง ยิ่งมีแสงสว่างมาก เทพเต่ามังกรก็ยิ่งมีพลังมาก

3.เมื่อตั้งวางเสร็จ ให้จุดธูป 8 ดอก ปักลงในกระถางกลม ตรงหน้าของเทพเต่ามังกรในแต่ละตำแหน่ง เพื่อเป็นการเริ่มต้นเรียกหาพลังให้เข้ามา นอกจากนี้ เรายังสามารถที่จะจุดธูป 8 ดอกอธิษฐานบูชาได้เป็นประจำ

4.หากตั้งเคล็ดอื่นๆ เพื่อการกระตุ้นกำกับลงไปด้วย เช่น เหรียญจีนด้ายแดง หรือก้อนทองนั้น เราจะต้องทำการเปลี่ยนเคล็ดเหล่านี้ใหม่ ทุกๆ ครึ่งปีหรือหนึ่งปี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด



สนับสนุน โดย www.thsioracle.com

เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้านที่ ดูดกลืนพลังงานทางลบ


การตกแต่งบ้านให้สวย ตามสไตล์ของแต่ละคนนั้น จะช่วยให้มีความสุขมากขึ้น เพราะบ้านหรือที่อยู่อาศัย เป็น 1 ในปัจจัย 4 มีความสำคัญกับความเป็นอยู่ของคนเรามาก หากบ้านมีความสวยงาม จะช่วยให้จิตใจเบิกบาน สดใสมากขึ้นด้วย แต่ทุกอย่างก็ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ของตกแต่งบ้าน หรือเฟอร์นิเจอร์บางชิ้น ที่ช่วยทำให้บ้านน่าอยู่ สะดวกสบายขึ้น ในทางกลับก็สามารถที่จะสะสมพลังงานที่ไม่ดีไว้กับบ้านได้ด้วยเช่นกัน ผลที่ตามมาเมื่อมีพลังงานที่ไม่ดีอยู่ คือ สมาชิกภายในบ้านจะมีความเจ็บป่วย และมีอุปสรรคเกิดขึ้น ตามหลักของฮวงจุ้ยแล้ว ของตกแต่งบ้าน หรือเฟอร์นิเจอร์ ที่อาจจะสะสมพลังงานด้านลบไว้ มีดังต่อไปนี้

- ผ้าม่าน เฉพาะผ้าม่านที่มีความหนัก ความหนาและยาว เช่น ผ้าม่านที่ไว้ปิดประตู หรือหน้าต่างขนาดใหญ่ หากไม่มีการเปิดใช้เลย จะทำให้พลังงานที่ไม่ดีเข้ามาสะสมอยู่ได้ ดังนั้นควรเปิดผ้าม่านบ้าง ไม่ควรปิดไว้นานๆ

- โต๊ะและเก้าอี้ ห้องรับประทานอาหาร ที่ใช้มานาน มีส่วนที่ชำรุด ทรุดโทรม ต้องมีการซ่อมแซม หรือเปลี่ยนให้มีสภาพที่ใหม่ ใช้งานได้ดี ต้องไม่ให้หัก มีรอยแตก เพราะโต๊ะ – เก้าอี้ ที่เก่านั้นจะเป็นแหล่งดึงดูดพลังงานด้านลบ

- ชุดโซฟา ต้องหมั่นทำความสะอาด อย่าปล่อยให้สกปรก มีฝุ่นเครอะ โซฟาต้องไม่มีรอยฉีกขาด และควรมีการเคลื่อนย้าน เปลี่ยนตำแหน่งวางชุดโซฟาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง อาจจะเลื่อนออกมาก่อน แล้วค่อยนำกลับไปวางที่เดิมก็ได้ การเคลื่อนย้ายจะช่วยให้พลังงานมีการหมุนเวียนได้ดีมากขึ้น

- ตู้หนังสือ จะเป็นที่ที่สะสมทั้งฝุ่นและความสกปรก ต้องหมั่นปัดกวาดดูแล ให้ตู้หนังสือ มีความสะอาด อย่าให้อับชื้น มีกลิ่นอับ จะส่งผลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยได้

หากเปรียบเปรียพลังงานที่ดี คือความสุข และพลังงานที่ไม่ดี คือ ความทุกข์แล้ว คงไม่สามารถที่จะแยกออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด เพราะทั้งดีและไม่ดี เป็นของคู่กัน ซึ่งย่อมเป็นสิ่งธรรมดาที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ ประเด็นจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า จะเจอสิ่งที่ดีหรือไม่ดีมากกว่ากัน แต่คงจะอยู่ที่ จะรับมือกับสิ่งๆนั้นได้อย่างไร บ้านไอเดีย ขอให้ทุกท่าน มีสติและปัญญาในการดำเนินชีวิตในทุกๆวันค่ะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก บ้านไอเดียดอทคอมค่ะ

สนับสนุน โดย http://horoscope.thaiorc.com/

ห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร เสริมสิริมงคล


จัดห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ให้อยู่ดีมีสุข
การเพิ่มพลังที่ดี ที่เป็นสิริมงคลให้แก่เจ้าของบ้าน และสมาชิกภายในครอบครัวนั้น สามารถทำได้หลายวิธี อย่างที่บ้านไอเดีย ได้นำเสนอไปบ้างแล้ว ห้องครัว หรือห้องรับประทานอาหาร ก็เป็นส่วนหนึ่งในการเสริมฮวงจุ้ย ซึ่งได้เสนอไปแล้วเช่นกัน แต่ยังมีเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับฮวงจุ้ยในห้องครัว ซึ่งสามารถนำไปไปสำรวจกันดูว่าตรงไหนที่ยังบกพร่อง จะได้ปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น ฮวงจุ้ยห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร มีดังต่อไปนี้ค่ะ

  • โต๊ะที่ใช้รับประทานอาหารควรเป็นโต๊ะทรงกลม หรือทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส ทางตำราฮวงจุ้ย เชื่อว่า รูปลักษณ์ของโต๊ะ เป็นการรับพรจากสวรรค์ ให้มีความโชคดี ส่วนโต๊ะที่ห้ามใช้ คือโต๊ะทรงสามเหลี่ยม จะนำความอัปมงคลมาให้

  • เก้าอี้นั่งรับประทานอาหารในห้องครัว ควรมีจำนวนเป็นเลขคู่ จะส่งผลให้ภายในครอบครัวมีความสุข ความเจริญรุ่งเรือง กิจการก้าวหน้า

  • ในห้องรับประทานอาหาร ควรติดกระจกเงาแผ่นใหญ่ เพื่อสะท้อนภาพอาหารบนโต๊ะ จะส่งผลให้อยู่ดี มีสุข อุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้ ไม่ขาดแคลนในการบริโภค แต่ในส่วนของห้องครัว ห้ามติดกระจกเงา โดยเฉพาะบริเวณที่ตั้งเตา เชื่อว่า จะทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ ร่างกายไม่แข็งแรง

  • ตามตำราฮวงจุ้ยจีน เชื่อว่า เตาใช้ถ่าน คือเตาที่ส่งผลดีกับฮวงจุ้ยบ้านมากที่สุด มีความเป็นมงคล รองลงมาคือ เตาแก๊ส เตาไฟฟ้า

  • ห้องครัวไม่ควรอยู่รวมกันกับที่ซักผ้า ตากผ้า เพราะหากมีการซักผ้า ตากผ้าในห้องครัว เป็นสิ่งที่ไม่เป็นมงคลต่อบ้าน และผู้ที่อยู่อาศัย

  • ตำแหน่งของห้องครัว ไม่ควรอยู่ตรงกลางบ้าน ทำให้มีผลต่อโชคลาภ เงินทองติดขัด ลาภไม่เข้าบ้าน

  • ที่เก็บข้าวสาร ควรอยู่ในสภาพที่ดี ไม่บุผัง หรือสกปรก และที่สำคัญควรมีข้าวสารอยู่เสมอ อย่าให้ขาด เชื่อว่า สภาพของที่เก็บข้าวสาร หมายถึง อนาคต และชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัว

  • ที่สำคัญที่สุด ของห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร คือการรักษาความสะอาดอยู่เสมอ เพราะเป็นห้องที่ใช้ในการปรุงอาหาร หากไม่มีความสะอาดแล้ว ย่อมส่งผลต่อสุขภาพของสมาชิกภายในบ้านด้วยนะค่ะ

    ข้อมูลจาก บ้านไอเดียดอทคอม

    ติดตามข้อมูล และดูดวงฟรีๆ ได้ที่ www.thaioracle.com

    วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

    หลักการจัดบ้านเสริมดวง


  • บ้านพักที่ใหญ่โตเกินไป แต่ในบ้านมีคนพักน้อย ไม่เป็นมงคลจะทำกินไม่ขึ้น ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านที่ดีหากมีคนอยู่ในบ้าน เยอะจะดีมาก ทำให้อบอุ่น จะทำให้ร่ำรวย


  • บ้านใดที่ปลูกต้นไผ่ แล้วคนภายนอกมองไม่เห็นคนในบ้าน จะทำให้คนอยู่อาศัยจะพบความเจริญ


  • การตกแต่งบ้านตามหลักฮวงจุ้ยเพิ่มเสริมดวง ไม่ควรแขวน เครื่องประดับมากเกินไป โดยเฉพาะนอแรด เขากระทิง หัวสัตว์ที่ดุร้ายไม่ควรแขวนเลย เพราะ วิญญาณมัก จะตามมาทวงและรบกวนเจ้าของบ้าน


  • บ้านไม่ควรเจาะหลังคาเพราะจะทำให้ฮวงจุ้ยไม่ดีไม่เป็นมงคล ถ้ากลัวว่าทึบก็ให้ใช้ กระเบื้องใสแทน


  • บ้านที่มีกำแพงเก่าควรทาสีให้ใหม่เสมอ เวลากลางคืนควรติดไฟให้สว่างจะพบแต่ความเจริญ


  • บ้านที่มีที่ดินด้านหลังบ้านแคบหน้าบ้านกว้างไม่เป็นมงคลให้ วิธีการแก้ฮวงจุ้ย แก้ได้โดยการติดกระจก บริเวณที่แคบทั้งสองด้าน เพื่อเวลามองแล้วจะรู้สึกกว้าง ลึก


  • บ้านที่มีหน้าบ้านแคบแต่หลังบ้านกว้าง ตามตำราฮวงจุ้ยท่านว่าเป็นลักษณะที่ดี เป็นถุงเงินถุงทอง


  • บ้านที่สร้างแล้วมีความลึกมากกว่าความกว้างจัดว่าเป็นฮวงจุ้ยทีดี อยู่แล้วจะเจริญรุ่งเรือง, บ้านที่สร้างตามความลึก เป็นมงคล


  • บ้านที่มีการปลูกหน้าบ้านยาวแต่แคบไม่เป็นมงคลไม่ถูกต้องตามฮวงจุ้ย บ้านหรือที่ดินบ้านเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสจะ เป็นมงคลอย่างมาก


  • บ้านที่แหว่งบางส่วนขัดต่อหลักจุ้ยเป็นอย่างมากจะทำให้คนในบ้านจะมีอันเป็นไป เช่น ถ้าแหว่งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หมายถึงแม่หรือหญิงเจ้าของบ้าน, ถ้าทิศตะวันตกเฉียงเหนือคือ พ่อ หรือชายเจ้าของบ้าน บ้านที่แหว่งทิศตะวันออกและตะวันตกผลกระทบ คือลูกชายคนโต และลูกสาวคนเล็ก, บ้านหรือพื้นที่เว้าแหว่ง ทิศเหนือและใต้จะเสียหายแก่ลูกสาวงคนกลาง (ทิศใต้) ลูกชายคนกลาง (ทิศเหนือ) จะมีเรื่องคดีความ ส่วนบ้านที่เป็นรูปทรงหน้ากว้างหลังแคบจะเก็บเงินไม่อยู่ จะยากจน


  • ฮวงจุ้ยบ้านที่ดี บ้านที่เก่าถ้าจะเข้าไปอยู่ใหม่ควรทาสีให้ใหม่ กลอนประตูควรจะเปลี่ยนใหม่ จะนำโชคลาภมาให้


  • บ้านที่มีลักษณะผิดหลักฮวงจุ้ย คือ บ้านที่เพดานเฉียง ไม่ดี, บ้านมีคาน ไม่ดี, บ้านที่มีคานไม่เสมอกัน ไม่ดี, บ้านสร้างคล้ายรูปตัวยู ไม่ดี


  • บ้านที่มีถนนโค้งออก อยู่แล้วไม่เจริญ , บ้านที่มีถนนล้อมรอบทั้ง 4 ด้านไม่เป็นมงคล , บ้านที่มีทางโค้งออกอยู่ไปจะทำให้ยากจน, บ้านที่อยู่ใกล้สี่แยกให้ตั้งประตูใหญ่ให้ถูกรหัสราศีของเจ้าของบ้าน และอีกส่วนด้านให้ปลูกต้นไม้แทนภูเขาเพื่อแก้เคล็ดให้ถูกต้องตามฮวงจุ้ยบ้าน


  • บ้านมีสองบันได ไม่ดี , บ้านรูปทรงตัว H ถือว่าบ้านเว้าแหว่ง จะเสียทรัพย์ เสียชื่อเสียง


  • บ้านเป็นรูปสามเหลี่ยม เรียกว่าถังขยะ ผิดหลักฮวงจุ้ยอย่างแรง จะทำให้ธุรกิจเจ๊ง หรืออาจทำให้ผู้อยู่อาศัยเป็นมะเร็ง อัมพาต


  • บ้านที่อยู่ระหว่างช่องว่างของตึกสูง เรียกว่าลมพิฆาต ไม่ดี วิบัติรุนแรง ไม่ถูกต้องตามฮวงจุ้ยบ้านที่ดี


  • หน้าบ้านถ้ามีต้นไม่ใหญ่ตายยืนต้นควรจะโค่นตัดทิ้งเลย มิฉะนั้น จะพบความยากจน


  • เพื่อให้บ้านมีฮวงจุ้ยที่ดี หน้าบ้านถ้ามีต้นไม่ใหญ่ตายยืนต้นควรจะโค่นตัดทิ้งเลย มิฉะนั้น จะพบความยากจน


  • ประตูหน้าบ้านห้ามตรงกับประตูห้องน้ำไม่ดี จะเกิดโรคฝีหรือ โรคมะเร็งได้, ประตูบ้านที่มีซุ้มสูงกว่าหลังคาไม่เป็นมงคล ให้แก้ไข จะได้พบแต่ความสุข, ประตูที่ทำซุ้มแบบซุ้มประตู ของศาลเจ้าหรือมูลนิธิ บ้านคนธรรมดาห้ามสร้างจะไม่เป็น สิริมงคล, ประตูบ้านไม่ควรจะมีต้นไม้ใหญ่อยู่ตรงกลางประตู


  • ประตูหน้าบ้านมีสะพานพุ่งเข้าหน้าบ้านถือเป็นฮวงจุ้ยไม่ดี, ประตูห้องนอนตรง กับเตียงนอนก็ไม่ดี, ประตูใหญ่ตรงประตูห้องน้ำไม่ดีจะทำให้เงิน เข้าบ้านไม่ดี สุขภาพไม่ดี, ประตูห้องนอนตรงกับประตูห้องน้ำ ไม่ดี จะเกิดโรคภัย ธุรกิจสะดุด


  • ประตูใหญ่ตรงกับประตูห้องนอน จะเกิบเงินไม่อยู่ มีปากเสียง ไม่ดี, ประตูรั้วบ้านฝั่งตรงข้ามใหญ่กว่าบ้านเราไม่ดี


  • ประตูตรงกันหลายบาน ตรงกับเตา ทำให้ร้อนเงิน มีปากเสียง ไม่ดี, ประตูตรงห้องนอนห้ามตรงกับบันได ไม่ดี


  • ประตูห้องส้วมตรงกับเตียงนอนไม่ดี, ประตูห้องนอนตรงกับประตูครัว ทำให้เกิดปากเสียงเงินเก็บไม่อยู่


  • บันไดตรงกับประตูห้องนอน ไม่ดี, บันไดตรงประตู ไม่ดี, บันไดตรงห้องน้ำ ไม่ดี, บันไดอยู่กลางบ้านตรงประตูเข้าออกไม่ดี


  • ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอนที่ดี ห้องนอนควรที่จะเก็บแต่เสื้อผ้าใหม่และของใหม่ จะเป็นมงคล, ห้องนอนควรอยู่ให้ถูกกับรหัสราศีของตัวเอง


  • ห้องนอน ผ้าห่ม หมอน ควรที่จะแห้ง สะอาดอยู่เสมอ จะช่วยเสริมมงคลให้เจ้าผู้อยู่อาศัย, ห้องนอนไม่ควรอยู่ใต้ห้องน้ำเพราะจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเจ็บป่วย


  • ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านที่ดี ในห้องนอนเจ้าบ้านควรอยู่ทิศในรหัสราศีของตัวเองถึงจะเป็นมงคล


  • ในการตกแต่งห้องนอน ไม่ควรวางกระจกไว้ที่หัวนอนเพราะผิดหลักฮวงจุ้ย จะทำให้เสียสุขภาพ


  • ควรระวังอย่าตั้งเตียงนอนอยู่บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะผิดหลักฮวงจุ้ย ไม่ดี ไม่เป็นมงคล


  • เตียงนอนตรงกับประตู ไม่ดี, เตียงนอนห้ามตั้งอยู่บนเตาไฟ จะทำให้คนนอนสุขภาพไม่ดี


  • เตียงนอนห้ามอยู่ใต้บันได เพราะจะมีคนขึ้นลงอยู่ประจำ, การตั้งเตียงเป็นมุมทะแยง ไม่ดี จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ


  • ด้านหัวนอนของเตียงและปลายเท้าห้ามตั้งกระจก, ห้ามนอนเอาเท้าหันไปสู่ประตู


  • หิ้งลอย ตู้ลอย ไม่ควรอยู่บนหัวนอน จะทำให้เครียด เกิดโรคทางสมอง


  • ข้อควรระวังสำหรับฮวงจุ้ยในห้องนอน การตั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ควรตั้งในห้องนอนถ้าเป็นคนโสดไม่เป็นไร ถ้ามีคู่แล้วห้าม


  • สิ่งศักดิ์สิทธ์ตั้งอยู่บนห้องน้ำ เป็นสิ่งไม่สมควร ควรแก้ไข


  • สิ่งศักดิ์สิทธิ์ห้ามตั้งอยู่ใต้คาน รวมทั้งคนด้วยเช่นกันก็ห้ามอยู่ใต้คาน


  • ห้องพระไม่ควรรวมกับห้องนอน ถ้าที่คับแคบจำเป็นต้องรวมให้กั้นฉากเป็นสัดส่วน ห้องนอนอย่าอยู่หน้าห้องรับแขก


  • คานอยู่หน้าประตูไม่ดีจะส่งพลังกดทับทำให้เงินหรือพลังไม่คล่อง คานต่ำ เพดานต่ำ จะทำให้ชี่ (เงิน) เข้าบ้านไม่สะดวก


  • คานห้ามอยู่บนหัวนอน จะเป็นมะเร็งในสมอง เส้นโลหิตในสมองแตก, คานทับเตาไฟ ทำให้เงินขาดมือ


  • ห้องน้ำอยู่บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่เป็นมงคล, ห้องน้ำอยู่บนประตูใหญ่ไม่ดี ทำให้เงินไม่ไหลเข้า, ห้องน้ำอยู่เหนือเตาไฟ ไม่ดี


  • ด้านหลังของเตียงเป็นห้องน้ำไม่ดี


  • ห้องน้ำกลางบ้านไม่ดี, เครื่องซักผ้าตรงกับเตาไม่ดี, ห้องครัวถ้ามีขื่อพาดอยู่ ไม่ดีจะเจ็บป่วย ยากจน


  • ห้องครัวห้ามอยู่ติดกับห้องนอน ถ้าจำเป็นจะตั้องกั้นผนังห้องครัวและห้องนอนอย่าให้มีอากาศเข้าถึงกันได้


  • ไม่ควรวางเตาไว้บนท่อระบายน้ำหรือท่อ น้ำประปา, ด้านหลังเตาแก๊สห้ามมีบ่อน้ำ เพราะผิดหลักฮวงจุ้ยบ้าน


  • ข้อควรระวังสำหรับฮวงจุ้ยห้องครัว ครัวเตาไฟไม่ควรจัดไว้หน้าบ้าน จะไม่มีทรัพย์สินเก็บจะมีคนในบ้านตายทุก 3 ปี


  • ตัวเตาในบ้านอย่าให้คนนอกบ้านเห็นจะไม่เหลือเงินเก็บ, การตั้งเตาอย่าใกล้สระน้ำ หรือน้ำประปา


  • หน้าเตาไฟหันไปสู่ทิศตะวันออก หรือทิศตะวันออกเฉียงใต้ดี เป็นมงคล แต่ถ้าจะให้ดีต้องถูกรหัสราศีทิศของเจ้าของบ้านด้วย


  • ไม่ควรสร้างเตาในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน แต่ควรหันหัวเตาให้ถูกโฉลกรหัสราศีของเจ้าของบ้าน


  • ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านที่เสริมดวง ไม่ควรมีห้องนั่งเล่นโซฟารูปสามเหลี่ยม, และหากข้างบ้านมีเครื่องระบายความร้อนพุ่งมาหาบ้านอีกฝ่ายหนึ่งจะไม่ดี

  • ข้อมูลจาก โฮโรไลฟ์ตอทคอม

    ติดตามข้อมูล หรือดูดวงฟรีๆ ได้ที่ http://horoscope.thaiorc.com/

    ฤกษ์งาม ยามดี


    ฤกษ์งามยามดี หมายถึง เวลาหรือคราวแห่งช่วงวันหรือคืนอันเหมาะในการประกอบกิจการ งานมงคลใดๆ เพื่อให้เกิดลาภผล ประสบความดี ความสำเร็จ เป็นมิ่งมงคลแก่เจ้าของงานนั่นเอง

    จะเห็นได้ง่าในการประกอบกิจการงานมงคลหรือแม้แต่งานที่ไม่ค่อยคงคลก็จะต้องมีการหา ฤกษ์-ยาม ที่เหมาะสม ที่ดีอยู่ตลอดเวลา เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้หลักผู้ใหญ่คนสำคัญของบ้านเมืองตั้งแต่สมัยก่อนๆ จนถึงปัจจุบันทางท่านก็มีความเชื่อเรื่องโชคลาง ฤกษ์ยามอย่างมาก การทำอะไรตามฤกษ์-ยาม ที่ดีที่เหมาะสม แม้ไม่เชื่อแต่ก็อาจเกิดความสบายใจ

    กิจการที่ต้องทำการดูฤกษ์-ยาม ก่อน ได้แก่ การเดินทาง การแต่งงาน การสร้างบ้าน การออกรถ ฯลฯ

    ท่านสามารถหาฤกษ์ยามต่างๆ ได้ที่   http://horoscope.thaiorc.com/auspicious/

    เซียมซี


    คำว่า "เซียมซี" นั้นเป็นภาษาจีน คำว่า เซียม แปลว่า แผ่นกระดาษ แผ่นเล็กๆ ยาวๆ หรือจะแปลให้เข้าใจง่ายขึ้น คือกระดาษโน้ต ส่วนคำว่า ซี แปลว่า บทกลอน เมื่อนำมารวมกันจึงแปลว่า บทกลอนบนแผ่นกระดาษแผ่นเล็กๆ เพื่อให้จดจำได้
    สิ่งหนึ่งที่คู่กับเซียมซี คือติ้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะทำ จากไม้ไผ่บางๆ แต่ปัจจุบันได้มีการทำเป็นพลาสติก และเขียนหมายเลขกำกับไว้ ประมาณ ๙-๓๖ หมายเลข รวมกันในกระบอกไม้ไผ่ ที่เรียกว่า กระบอกติ้ว การเสี่ยงเซียมซี คือการสั่นกระบอกติ้วเซียมซี ให้ไม้เซียมซีหลุดออกมา ๑ อัน ปรากฏหมายเลขใด ก็อ่านใบเซียมซีนั้น แล้วก็ไปหยิบเอาความหมายของ ใบเซียมซี เพื่อดูว่าจะมีความหมายดีร้ายสักประการใด

    เซียมซีมีกี่ใบ แล้วทำไมต้องมีจำนวนเท่านั้น
    เซียมซีส่วนใหญ่จะมี ๒๘ ใบ สำหรับเหตุผลที่เซียมซีส่วนใหญ่จะมี ๒๘ ใบนั้น อาจารย์วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีน บอกว่า น่าจะมาจากจำนวนทิศทั้ง ๔ ซึ่งมีดาวบริวารอยู่ ๗ กลุ่ม เมื่อรวมแล้วได้ ๒๘ แต่ไม่ได้หมายความว่าเซียมซีจะต้องมี ๒๘ ใบเสมอไป เช่น ศาลเจ้าบริเวณใกล้ๆ กับวัดกัลยาวรมหาวิหาร ซึ่งถือเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ มี ๖๐ ใบ ในขณะที่ศาลเจ้าพ่อกวนอูบริเวณเชิงสะพานตากสิน (หรือสะพานพุทธ) ซึ่งเคยเป็นที่พักของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีจำนวนใบเซียมซีมากถึง ๕๐ ใบ

    เซียมซีมีความเป็นมาอย่างไร
    การเสี่ยงเซียมซี เป็นโหราศาสตร์ อันเก่าแก่แขนงหนึ่ง ซึ่งมีถิ่นกำเนิดมาจาก ประเทศจีนไม่น้อยกว่า ๑,๐๐๐ ปี ราวในสมัยราชวงศ์ซ้อง (พ.ศ. ๑๕๐๒-๑๘๒๒) ส่วนการเผยแพร่ในประเทศไทยนั้น ไม่มีปรากฏหลักฐานบันทึกไว้อย่างชัดเจน แต่ก็มีการสันนิษฐานว่า น่าจะเข้ามาพร้อมๆ กับกระถางธูปจีนในสมัยอยุธยา ส่วนจะมีการใช้เซียมซีเพื่อ การเสี่ยงทายด้วยหรือไม่นั้น ยังไม่เด่นชัด ในรัตนโกสินทร์ได้ค้นพบหลักฐานแห่งแรก ตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๕) ที่วัดกัลยาณมิตร ธนบุรี โดยนายเปลี่ยน แซ่ซ้อง ผู้แปลเซียมซีภาษาจีนเป็นภาษาไทย

    ความเชื่อของคำนายในเซียมซีนั้นขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนั้นๆ บางคนก็เชื่ออย่างสนิทใจ บางคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ในขณะที่บางคนไม่เชื่อเลย แต่คำทำนายในเซียมซีนั้น ทุกใบแฝงด้วยปริศนาธรรม ทั้งที่บอกตรงๆ และบอกแบบอ้อมๆ เนื้อหาในเซียมซีนั้น ในใบเดียวกันจะมีคำทำนายทั้งดีและไม่ดีปนกัน โชคดีเรื่องสุขภาพแต่จะไม่มีโชคลาภ จะให้กำลังใจ เพราะคนเมื่อมีความทุกข์มาก ก็จะไปเสี่ยงเซียมซี แรงอธิษฐานก็มาก

    จริงๆ แล้วคำทำนายในเซียมซีไม่ได้สอนให้คนงมงาย แต่เป็นการเสี่ยงทาย เพื่อปลูกฝังกำลังใจให้กล้าแข็งขึ้น รวมทั้งเป็นสติเครื่องเตือนใจไม่ให้ประมาท ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทำสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นเครื่องเตือนสติได้ดียิ่งกว่าคำพูด ของผู้รู้เสียอีก" นี่คือคำยืนยันของ นายธรรมจักร สิงห์ทอง บรรณาธิการสำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง (ปธ.๙)

    สำหรับความแม่น และคำทำนายที่โดนใจเรื่องการเสี่ยงเซียมซีนั้น อาจารย์ ลักษณ์ เรขานิเทศ เลขาธิการสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ บอกว่า การจะระบุว่าที่ใดขลังหรือไม่นั้น ไม่สามารถบอกได้ แต่มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคนนิยม ไปเสี่ยงเซียมซี อยู่หลายแห่ง เช่น ศาลกรมหลวงชุมพรฯ บริเวณพณิชยการพระนคร

    ส่วนขั้นตอนการเสี่ยงเซียมซีนั้น ต้องเริ่มต้นจากการมากราบไหว้สถานที่ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น องค์พระพุทธรูป หรือเจ้าพ่อ เจ้าแม่ประจำศาลเจ้าในที่ต่างๆ และเมื่อกราบไหว้เรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการเสี่ยงทายด้วยเซียมซี

    การเสี่ยงทายต้องประกอบด้วย
    1.ต้องมีเจตนาที่บริสุทธิ์ มีความปรารถนา มีความมุ่งมั่น หรือมีความตั้งใจ ที่ต้องการทราบเรื่องราวความเป็นไป ในอนาคตของตน

    2.การตั้งจิตเสี่ยง อธิษฐาน เมื่อได้กราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในสถานที่นั้นแล้ว หากต้องการเสี่ยงเซียมซี ก็ขอให้ตั้งจิตอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์

    3.เมื่อกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยการส่งจิต ระลึกถึง แสดงความเคารพด้วยดอกไม้ธูปเทียนแล้ว หลังจากนั้น ก็ให้ขอพรต่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บางสถานที่จะมี การเสี่ยงเซียมซี โดยเมื่อเสี่ยงแล้วจะมีการเสี่ยงด้วยไม้ปวย ไม้ปวย เป็นอุปกรณ์ สำหรับการเสี่ยงทาย สรุปตัดสินจากการเสี่ยงใบเซียมซี ไม้ปวยประกอบด้วย ไม้รูปโค้งเสี้ยวพระจันทร์ ๒ อันประกบกันได้ คล้ายๆ ไม้กรับ เรียกว่า ไม้คว่ำ ไม้หงาย

    ไม้ปวย เมื่อเสี่ยงได้ตู้เซียมซีขึ้นมาหนึ่งอัน ก็ต้องเสี่ยงไม้ปวย (จะพบในศาลเจ้าบางแห่งเท่านั้น) เพื่อเสี่ยงทายว่าตู้เซียมซีนั้นเป็นของตน หรือเป็นจริงตามนั้นใช่หรือไม่ กล่าวคือ เมื่อหยิบไม้ปวยขึ้นมาเสี่ยง ให้อธิษฐานจิตว่า "ตู้เซียมซีที่เสี่ยงมา เขย่าแล้ว ใช่ของตนหรือไม่ จะประสบความสำเร็จตามใบเซียมซีนี้หรือไม่"

    จากนั้นก็โยนไม้ปวยไปข้างหน้า เฉียงมาทางด้านขวามือ ผลของการโยนไม้ปวย จะแสดงออกมาใน ๓ ลักษณะคือ ประการแรก ไม้ปวยคว่ำทั้ง ๒ อัน ประการที่สอง ไม้ปวยหงายทั้ง ๒ อัน ประการที่สาม คว่ำอันหนึ่ง หงายอันหนึ่ง

    คำอธิบายการเสี่ยงไม้ปวยคว่ำ ไม้ปวยหงาย ถ้าไม้นั้นหงายทั้ง ๒ หมายความว่า ฟรีเปล่า ผู้เสี่ยงทายต้องเขย่าเซียมซีใหม่อีก เมื่อได้หมายเลขใดก็โยนไม้คู่ คือ ไม้ปวยอีก ถ้าไม้นั้นคว่ำทั้ง ๒ ก็หมายความว่า ยังไม่ใช่ ยังไม่ได้ หรือว่าไม่ใช่เลขของผู้เสี่ยงทาย ผู้เสี่ยงทายต้องเขย่าอีก คราวนี้ได้เลขแล้ว เสี่ยงไม้คู่อีก ถ้าไม้คว่ำอันหนึ่ง หงายอันหนึ่ง หมายความว่า ได้แล้ว คือเลขเซียมซีของผู้เสี่ยงทาย ก็ตรวจดูคำทำนายตามใบเซียมซี ให้หมายความอย่างไรก็คือ คำทำนายที่แม่นแน่แล้ว สรุปก็คือไม้ปวยจะต้องคว่่ำอันหนึ่ง และหงายอันหนึ่ง

    สามารถทดลองเสี่ยงเซียมซี ได้ที่ http://horoscope.thaiorc.com/prophecy/siemsee.php

    ความพอดี


    คนหลายคนไม่รู้จักความพอดี จึงมักทำอะไรที่ขาดๆ เกินๆ ไม่ปกติอยู่เสมอ ตื่นตัวจนน่าตกใจหรือไม่ก็เกียจคร้าน ไม่ดูดำดูดีไปเลย หาตรงกลางไม่ได้ พูดมากจนน่ารำคาญ พูดทุกอย่างที่รู้สึกโดยไม่ต้องใช้การคิดหรือการไตร่ตรองเป็นตัวกรองให้เหมาะสมว่าอะไรควรพูดหรือไม่ควรพูด ควรพูดอย่างไร ควรพูดแค่ไหน ควรพูดเมื่อไหร่

    เอาเรื่องบางเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นธุระมาเป็นธุระ แล้วก็ทอดธุระในเรื่องสำคัญๆ ไปโดยไม่รู้สึกรู้สม เขาไม่เคยแยกได้ว่าตรงไหนคือระดับของความเหมาะสม ซึ่งหมายถึงเหมาะสมสำหรับตัวเองและเหมาะสมสำหรับผู้อื่นด้วย นั่นไม่ต้องรวมถึงกาลเทศะ ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งของการขัดเกลามนุษย์ ให้รู้จักความเหมาะความควร

    หินกลายเป็นเพชรเมื่อเจียระไน

    คนหายจัญไร...เมื่อถูกขัดเกลา!

    เพชร พลอย และอัญมณีมีค่าหลายอย่าง แท้จริงก็เป็นแค่หิน จมอยู่ในดินอาจไม่มีใครรู้ค่า แต่เมื่อมาขัดมาล้าง และถูกเจียระไน ค่าของมันก็ทวีสูงขึ้น เพราะความงามของมันจะกระจ่างสายตา เมื่อได้เห็นก็ต้องการได้ครอง จึงเป็นที่ต้องการของใครต่อใคร

    เช่นเดียวกับคน... คนที่มีกิริยามารยาท รู้จักพูด รู้จักคิด รู้จักทำเท่าที่เหมาะสม ก็มักจะเป็นที่รักของใครต่อใคร และช่วยสานประโยชน์ให้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้นมาได้มาก ค่าของคนประการหนึ่งดูได้จากการประพฤติปฏิบัติ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นได้ว่า เขาได้รับการขัดเกลามาบ้างหรือไม่ เป็นคนหยาบหรือคนละเอียด สุกหรือดิบ

    ข้าวสุกที่หอม ฟู นุ่ม น่ารับประทาน สะท้อนฝีมือคนหุงและพันธุ์ข้าวฉันใด กิริยามารยาทของลูกหลาน ก็สะท้อนฝีมือการอบรมขัดเกลาของพ่อแม่และครอบครัวฉันนั้น

    การขัดเกลาไม่สามารถทำได้เพียงวันสองวัน แต่เป็นสิ่งที่ต้องอบรมกันวันละเล็กละน้อย เพื่อค่อยๆ เกลาสิ่งที่เกินและเติมสิ่งที่พร่อง จนกว่าจะได้ระดับของความพอเหมาะพอดี

    ในทางพระพุทธศาสนา ให้หลักหรือ "ทาง" ที่จะเดินสู่ความพอดี เป็นแนวทางของการอบรมขัดเกลา ทางกาย วาจา และใจ ให้ละเอียดอ่อน งดงาม นั่นคือ อัฏฐังคิกมรรค หรือมรรค 8

    มรรค 8 : ทางสู่ความพอดี

    มรรค 8 หรืออัฏฐังคิกมรรค หรืออริยมรรค มัชฌิมาปฏิปทา ทางดำเนินชีวิตอันประเสริฐ ทางสายกลาง คือแนวทางดำเนินอันประเสริฐของชีวิตหรือกาย วาจา และใจ ที่ควรดำเนินไป เป็นข้อปฏิบัติที่มีหลักไม่อ่อนแอ จนถึงกับตกอยู่ใต้อำนาจความอยาก แต่ก็ไม่แข็งตึงจนถึงกับเป็นการทรมานกายให้เหือดแห้งจากความสุขเป็น "มัชฌิมาปฏิปทา" คือทางสายกลาง ไม่หย่อนไม่ตึง แต่พอเหมาะ ดั่งสายของเครื่องดนตรีที่เทียบเสียงไว้ได้ที่แล้ว

    ที่เรียกว่า "มรรคมีองค์แปด" นั้น หมายความว่าจะสัมฤทธิ์ผลได้ก็เมื่อพร้อมเป็นอันเดียวกันทั้งแปดอย่าง ดุจเชือกที่ฟั่นแปดเกลียว

    ก้าวไปในทาง 8 สาย

    1. สัมมาทิฏฐิ ความเข้าใจถูกต้อง คือ เข้าใจอย่างทั่วถึงว่า เหตุนั้นเป็นอย่างไร ผลอย่างหยาบๆ ที่ปรากฎชัดๆ เป็นอย่างไร อย่างละเอียดที่แอบแฝงเป็นอย่างไร ทั้งเหตุและผลนั้น มีลำดับอย่างไร

    แปลง่ายๆ ได้ว่า ก่อนจะทำสิ่งใด พูดสิ่งใด ให้ใช้ความคิดที่เป็นสัมมา คือถูกต้อง รู้แจ้งแทงตลอดเป็นตัวนำ เพื่อไตร่ตรองว่าหากพูด (ซึ่งเป็นเหตุ) ออกไป จะให้ผลอย่างไร เพื่อจะได้รู้ว่าควรพูดหรือไม่ ควรพูดอย่างไร เช่นเดียวกับการกระทำทั้งหลาย หากมีสัมมาทิฏฐิเป็นตัวนำ ก็จะทำให้รู้ได้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ และควรทำแค่ไหน ควรทำอย่างไร หรือควรจะงดเว้นเสีย โดยการคิดนั้นต้องคิดด้วยปัญญา คือรู้แจ้งแทงตลอดอย่างปลอดโปร่ง ไม่ใช่ด้วยอวิชชา คือรู้แจ้งแทงตลอดด้วยความมืดบอดเพราะโทสะหรือความเชื่อมั่นลำพอง หรือเพราะไม่รู้แต่ก็อยากจะอวดรู้

    บางคนพูดก็ไม่คิด ทำก็ไม่คิด พูดไปแล้วถึงเพิ่งมาคิด ทำจนเกิดผลไปแล้วจึงค่อยมารู้สึกนึกคิดว่าไม่ควรทำ เช่นนั้นก็สายเกินไปเสมอ

    2. สัมมาสังกัปปะ คือ ความใฝ่ใจถูกต้อง คือ ไม่ใฝ่ใจกระทำสิ่งที่จะนำความมืดมนมาสู่ชีวิต ยังปัญญาให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป และเดินให้ไกลจากความขุ่นแค้น ซึ่งเมตตากับกรุณา คือ ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้ดี มีความสุข และยินดีในความเจริญของเขาจะเป็นแรงขับดันที่สำคัญ

    ต้องดำเนินชีวิตทุกวัน ด้วยใจที่ปลอดจากความโลภ ปลอดโปร่งจากกาม ไม่หมกมุ่นพัวพันติดข้องในสิ่งสนองความอยากต่างๆ ปราศจากความเห็นแก่ตัวด้วยการคิดเสียสละ ไม่พยาบาท ไม่มีความเคียดแค้น ชิงชัง ขัดเคือง หรือเพ่งมองในแง่ร้ายต่างๆ แต่มีเมตตา คือปรารถนาดี มีไมตรี ต้องการให้ผู้อื่นมีความสุข ไม่มีการคิดทำร้ายหรือทำลาย ทว่าคิดช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์

    3. สัมมาวาจา คือ การพูดจาถูกต้อง ไม่เป็นโทษต่อตนเองและผู้อื่น ซึ่งประกอบไปด้วย

    ละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ พูดแต่คำจริง ดำรงคำสัตย์ มีถ้อยคำเป็นหลักฐาน ควรเชื่อได้ ไม่พูดลวงโลก

    ละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด ฟังจากข้างนี้แล้วไม่ไปบอกข้างโน้น เพื่อให้คนหมู่นี้แตกร้าวกัน หรือฟังจากข้างโน้น แล้วไม่มาบอกข้างนี้ เพื่อให้คนหมู่โน้นแตกร้าวกัน จงสมานคนที่แตกร้าวกันแล้วบ้าง ส่งเสริมคนที่พร้อมเพรียงกันแล้วบ้าง ด้วยการกล่าวแต่คำที่ทำให้คนพร้อมเพรียงกัน

    ละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ กล่าวแต่คำที่ไม่มีโทษ เพราะหู ชวนให้รัก จับใจ

    ละคำเพ้อเจ้อ เว้นขาดจากคำเพ้อเจ้อ พูดถูกกาล พูดแต่คำที่เป็นจริง พูดอิงอรรถ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัย พูดแต่คำมีหลักฐานมีที่อ้าง มีที่กำหนด ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลอันควร

    4. สัมมากัมมันตะ คือ การกระทำถูกต้อง ไม่เป็นโทษต่อตนเอง และผู้อื่น ไม่อ่อนข้อต่อการกระทำที่จะเป็นโทษทั้งหลาย ซึ่งหลายคนรู้ทั้งรู้ว่าสูบบุหรี่เป็นโทษ ดื่มสุราเป็นโทษ เครียดเป็นโทษ ฯลฯ ก็ยังอ่อนข้อหรือ "หยวน" แล้วก็ทำ

    5. สัมมาอาชีวะ คือ การดำรงชีพถูกต้อง ประกอบกิจการงานที่ถูกต้อง ไม่เป็นโทษต่อตนเองและผู้อื่น

    6. สัมมาวายามะ คือ ความพากเพียรถูกต้อง คือใจที่บากบั่นในอันที่จะก้าวหน้า ไม่ถอยหลังเข้าสู่ความเสื่อม

    7. สัมมาสติ คือ การระลึกประจำใจถูกต้อง ระลึกแต่ในสิ่งที่เกื้อหนุนแก่ปัญญา มีสติระลึกอยู่เป็นนิจว่า เราจะกระทำอะไร และกำลังทำอะไรอยู่ ไม่เป็นคนเผลอ การไม่เผลอหรือการรู้ตัวอยู่เป็นนิจ เป็นทางให้หลีกได้จากการกระทำความชั่ว โดยต้องระลึกได้ยามรู้สึกสบายหรือไม่สบาย ระลึกได้เมื่อรู้สึกสุข หรือทุกข์ หรือเฉยๆ ระลึกได้ว่าจิตกำลังเศร้าหมองหรือผ่องแผ้ว ระลึกได้ว่าอารมณ์อะไรกำลังผ่านเข้ามาในจิตใจ การระลึกรู้ได้จะทำให้เราเท่าทันอารมณ์ ไม่อ่อนคล้อยตามอารมณ์ และกระทำในสิ่งที่ไม่ควรกระทำออกไป

    8. สัมมาสมาธิ คือ การตั้งใจมั่นถูกต้อง ได้แก่ ความมีสมาธิ สงบนิ่งอยู่ในสิ่งที่ถูก ไม่วอกแวกวอแว เยือกเย็น สุขุม สำรวม

    กุญแจดอกใหญ่คืออ่อนน้อมและสำรวม

    ดังที่กล่าวมาทั้งหมด สรุปได้ง่ายๆ ว่า คนจะเสาะหาความพอดีพบและดำเนินชีวิตด้วยความพอดีได้ ต้องมีกุญแจดอกใหญ่สองดอก คือ ความอ่อนน้อมและสำรวม

    ความอ่อนน้อมทำให้ไม่ลำพอง ไม่โอ้อวด ไม่ถือโทสะเพื่อเอาชนะคะคาน อวดเบ่ง หรืออวดเก่ง หรือจ้องแต่จะแข่งขันอย่างบ้าคลั่ง ส่วนความสำรวมจะทำให้มีสติ รู้ได้ว่าจะไม่ทำอะไรให้เป็นเหตุแห่งทุกข์ แห่งปัญหา ไม่ว่าจะเกิดกับตัวเองหรือใคร

    หลายคนหาความพอดีไม่ได้เพราะสำรวมไม่เป็น ใจร้อน กร่าง ถือเอาใจของตัวเองเป็นสำคัญ ยิ่งเมื่อไปผสานกับการขาดความอ่อนน้อม ก็ย่อมเป็นพวกมุทะลุ เถื่อยถ่อย ไม่พินิจกาลเทศะ และแสดงออกอย่างหยาบๆ เหมือนเพชรที่ยังเป็นหิน ไม่ถูกเจียระไน...ไม่งดงาม!!
    ขอบคุณข้อมูลจาก first-mag.com

    ติดตามข้อมูลดีๆ ได้จาก http://horoscope.thaiorc.com/ ดูดวงฟรี!! 24h

    วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

    แมวกวักญี่ปุ่น

     
     
    แมวกวักญี่ปุ่น
    มีลักษณะความเชื่อคล้ายกับนางกวักของไทย ชาวญี่ปุ่นจะเรียกแมวกวักว่า "มาเนะคิเนะโกะ" แปลว่า แมวที่ทำหน้าที่เชื้อเชิญเงินทอง โชคลาภ บูชาเพื่อความร่ำรวยและสมปรารถนา

    เคล็ดวิธีบูชา: ให้ตั้งไว้ในจุดที่ดีที่สุดของบ้าน เช่น ห้องรับแข...กหรือบริเวณโต๊ะทำงาน และหมั่นเช็ดทำความสะอาดตลอดเวลา ดูแลอย่างใกล้ชิด แมวกวักก็จะนำความสุขและโชคลาภมาสู่คุณและครอบครัว

    Tip: การเลือกซื้อแมวกวัก ถ้าเลือกแมวกวักมือซ้าย หมายถึงให้เรียกลูกค้าเยอะๆ และยิ่งกวักสูงมากแค่ไหนก็เรียกคนได้มากเท่านั้น แต่ถ้ากวักมือขวา เป็นการเรียกเงิน เรียกทอง และความโชคดี
     
    ติดตามข้อมูลดีๆ แบบนี้ได้ที่ http://horoscope.thaiorc.com/

    การเลือกสีเสื้อผ้าให้เหมาะกับธาตุเกิด



    การเลือกสีเสื้อผ้าให้เหมาะกับธาตุเกิด ก็จะเป็นการเสริมราศีที่ดีให้กับตนเองค่ะ เรามาดูกันว่าใครเกิดธาตุไหน และควรใช้เครื่องประดับหรือเสื้อผ้าสีไหนกัน

    ธาตุทอง คือคนที่เกิดในปี ฉลู มะเส็ง และระกา โทนสีที่เหมาะกับคนธาตุทอง คือโทนสีสดใส เช่น สีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน ซึ่งเราสามารถนำโทนสีต่างๆ นี้มาประยุกต์ใช้กับการแต่งตัวและแฟชั่นเสื้อผ้าเพื่อเสริมบุคลิกและดวงชะตาได้ เช่นคนเกิดธาตุทองถ้าใส่เสื้อผ้าโทนสีสดใส อาทิ สีแดงจะช่วยทำให้บุคลิกดูโดดเด่นและดูกระฉับกระเฉงขึ้น

    ธาตุน้ำ คือคนที่เกิดในปี ชวด มะโรง และวอก โทนสีที่เหมาะกับคนธาตุน้ำคือ โทนสีเย็นสว่างๆ เช่นสีขาว สีครีม และสีเทา เพราะคนที่เกิดธาตุน้ำมีทั้งน้ำร้อน และน้ำเย็น ดังนั้นถ้าใส่เสื้อผ้าโทนสีขาว สีครีมก็จะทำให้บุคลิกของคนธาตุน้ำดูอ่อนน้อมมากขึ้น แต่ถ้าใส่โทนสีร้อน เช่น สีแดง ก็จะทำให้บุคลิกดูก้าวร้าวขึ้น

    ธาตุไม้ คือคนที่เกิดในปี เถาะ มะแม และกุน โทนสีที่เหมาะกับคนธาตุไม้ คือโทนสีทึบ เช่น สีดำ สีน้ำเงิน เพราะถ้าใส่สีสดใสจะลดความน่าเชื่อถือลง แต่โทนสีสดใสที่ใส่ได้ คือ สีชมพู

    ธาตุไฟ คือคนที่เกิดในปี ขาล มะเมีย และจอ โทนสีที่เหมาะกับคนธาตุไฟ คือได้ทั้งโทนสีเข้มและสว่าง เช่น สีเขียว สีแดง สีน้ำเงิน และสีขาว เพราะสีโทนเข้ม เช่นสีน้ำเงิน จะทำให้บุคลิกของผู้ส่วมใส่ดูมีพลังอำนาจ และน่ำเกรงขามมากขึ้น แต่ถ้าใส่สีสว่าง เช่นสีขาว จะทำให้ดูเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์มากขึ้น


    ติดตามข้อมูลดีๆ แบบนี้ได้จาก http://horoscope.thaiorc.com/

    หลักฮวงจุ้ยสำหรับห้องส้วม

     
    1 ชักโครกไม่ควรจะอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกับเส้นขอบหรือเส้นทแยงมุมของห้องน้ำ

    2 ชักโครกไม่ควรหันไปทางเดียวกับประตูบ้าน การหันชักโครกทางเดียวกับประตูบ้าน จะเป็นการขัดลาภ ผิดหลักของฮวงจุ้ยอย่างยิ่ง

    3 ชักโครกไม่ควรอยู่ตรงประตูห้องน้ำ ควรจะเบี่ยงจากประตูห้องน้ำเล็กน้อย
    4 ตำแหน่งของชักโครก ไม่ควรอยู่ทางทิศเหนือและหันไปทางทิศใต้ จะก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในครอบครัว

    5 ห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน ไม่ควรวางชักโครกในห้องน้ำ ตรงกับเตียงนอน

    6 ไม่ควรตั้งชักโครกกลางห้องน้ำ ควรให้อยู่ชิดกับกำแพง

    7 ไม่ควรให้กระจกในห้องน้ำ สะท้อนห็นชักโครก
     
    ติดตามข้อมูลดีๆ ได้จาก http://horoscope.thaiorc.com/
     
     

    พระสังกัจจายน์

     
     
    ชาวพุทธกราบไหว้สักการบูชาพระสังกัจจายน์เพื่อให้บังเกิดความเป็นสิริมงคล 3 ประการแก่ตนเองและครอบครัว ดังนี้

    1. โชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ พระสังกัจจายน์ได้รับการยกย่องให้เป็นพระผู้อุดมด้วยโภคทรัพย์ และลาภสักการะเสมอด้วยพระสิวลี รูปลักษร์ท่านแ...สดงถึงความมีลาภพูนทวี

    2. สติปัญญา เนื่องเพราะพระสังกัจจายน์ได้รับการยกย่องจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศในทางอธิบายความพุทธภาษิต ท่านเป็นอรหันต์ผู้มีปฎิภาณเฉียบแหลม

    3. ความงามและความมีเสน่ห์เป็นเมตตามหานิยม เนื่องจากเพราะก่อนที่ท่านจะอธิษฐานจิตให้รูปร่างเปลี่ยนแปลง พระสังกัจจายน์มีผิวดั่งทองคำและมีรูปงามละม้ายเหมือนพระพุทธเจ้า จนแม้แต่เทพยดา พรหม มนุษย์ทั้งปวงพากันรักใคร่ชื่นชม

    เคล็ดการบูชา

    ในการบูชาพระสังกัจจายน์นั้นบูชาด้วยธูป 3 ดอก พร้อมดอกไม้สีขาวมีกลิ่นหอมต่างๆ หรือดอกบัว๗ดอก มิว่าจะบูชาด้วยดอกใดให้ใช้ 7 ดอก และควรบูชาสองเวลาคือเช้าก่อนไปทำงานและเย็นก่อนนอน เพื่อขอให้ท่านประสาทพรโชคลาภพูนทวี และมีเคล็ดอย่างนึงว่าพระสังกัจจายน์นั้นหากบูชาไว้ในบ้านให้ปิดทองที่พุงของท่านเชื่อว่าจะมีลาภไหลมาไม่ขาดสายครับ ในตอนเช้าให้กล่าวคำบูชาท่านดังนี้

    คาถาบูชา

    กัจจานะ จะ มหาเถโร พุธโธ พุทธานัง พุทธะตัง พุทธัญจะ พุทธะ สุภา สิตัง พุทธะตัง สะมะนุปปัตโต พุทธะ โชตัง นะ มามิหัง ปิโยเทวะ มะนุสสานัง ปิโยพรหม นะ มุตตะโม ปิโยนาคะ สุปันนานัง ปิยินทะริยัง นะ มามิหัง สัพเพชะนา พะหูชะนา ปุริโสชะนา อิถีชะนา ราชาภาคินิ จิตตัง อาคัจฉาหิ ปิยังมามะฯ

    และขอให้พรว่าจะไปทำงานให้อะไรก็ว่าไปตามใจปรารถนา

    และเมื่อกลับบ้านก่อนอนให้สวดบูชาท่านด้วยบทนี้ครับ

    คาถาบูชาขอลาภ (สวดบทนี้ได้ทุกวันก่อนนอนเพื่อสิริมงคล)

    กัจจายะนะ มะหาเถโร เทวะตานะระ ปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ มะหาลาภัง ภะวันตุ เม

    ลาเภนะ อุตะโมโหติ โสระโห ปัจจะยาทิมหิ มะหาลาภัง สัพพะลาภา สะทาโสตถิ ภะวันตุ เม

    และขอท่านว่าเราประสงค์สิ่งใด
     
     
    ติดตามข้อมูลดีๆ แบบนี้ได้จาก http://horoscope.thaiorc.com/ 

    วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555

    เทพเจ้าแห่งโชคลาภไฉ่ซิงเอี้ย



    เทพเจ้าแห่งโชคลาภไฉ่ซิงเอี้ย

    ถือเป็นหนึ่งเทพเจ้าที่ชาวจีนให้ความเคารพเป็นอย่างมาก เพราะชาวจีนเชื่อกันว่า เทพไฉ่ซิ่งเอี้ยเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ

    วิธีการตั้ง
    1 ให้ตั้งองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภ โดยให้องค์ท่านนั่งพิงด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือห...ลังพิงทิศตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อรับพลังแห่งโชคลาภความโชคดี ตามหลักฮวงจุ๊ย

    2 หากไม่สามารถตั้งตามทิศดังกล่าวได้ ก็ให้ตั้งบูชาตามความเหมาะสม แต่ต้องวางองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภให้ต่ำกว่าพระพุทธรูป

    3 ควรตั้งองค์เทพเจ้าแห่งโชคลาภไว้บนตู้เซฟ หรือโต๊ะทำงาน ที่เก็บเงิน ทรัพย์สิน เพื่อเพิ่มพูนทรัพย์สินเงินทองและรักษาทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ให้มั่นคงไม่รั่วไหล

    4 ตั้งหน้าร้านค้า ตู้ใส่สินค้า ลิ้นชักเงิน ตะกร้าใส่เงิน

    5 การตั้งบูชาหน้ารถ สำหรับปางมหาเศรษฐีชัมภลนี้ถือว่าเหมาะเพราะว่าท่านคือ องค์ท้าวเวสสุวรรณเจ้าแห่งยักษ์ ซึ่งเป็นที่เกรงกลัวจองบรรดาภูตผีปีศาจ อำนาจชั่วร้ายทั้งปวงที่อาจล่องลอยอยู่ตามถนนหนทางเป็นสัมภเวสี จะไม่กล้าเข้ามารบกวนเด็ดขาด

    วิธีการบูชาประจำวัน
    1 ควรบูชาด้วยน้ำเปล่า 3 ถ้วยทุกวัน (หากบางท่านต้องการไหว้น้ำชาก็ได้ไม่ถือว่าผิด) หรือจะไหว้ตามแต่เหมาะสมอาจจะไหว้ทุกวัน หรืออาจจะไหว้เฉพาะวันพระก็ได้ การไหว้น้ำเปล่านั้นเสมือนว่าโชคลาภที่จะเข้ามานั้นได้มาเปล่าๆ ได้มาง่ายๆ ไม่มีสิ่งใดแฝงมาด้วย

    2 ถวายผลไม้ (อทิเช่น ส้ม 5 ผล) พวงมาลัย หรือดอกไม้มงคลอื่นก็ได้

    3 ให้สวดคาถาบูชาขอพรท่านทุกวัน หรือตามสะดวกก็ได้

    4 ให้จุดธูปบูชา 8 ดอก

    คาถาบูชาขอพรเทพเจ้าแห่งโชคลาภ
    เคล็ดคาถานี้บูชาสำหรับท่านที่เกิดปีต่างๆ ทั้ง 12 นักษัตร อันเป็นหัวใจคาถาจารึกเป็นภาษาสันสกฤตมาแต่ครั้งโบราณ โดยให้ตั้งจิตให้สงบระลึกถึงความดีที่ได้ประกอบมา แล้วท่องคาถาหัวใจมหาเศรษฐีชัมภล อธิษฐานขอพร 7 ประการจากท่าน

    ท่านที่เกิดปี ฉลู มะโรง มะแม จอ คาถาหัวใจมหาเศรษฐีชัมภล คือ โอม ชัมภาลา จาเลน ไนเยน สวาหะ

    ท่านที่เกิดปี ขาล เถาะ คาถาหัวใจมหาเศรษฐีชัมภล คือ โอม อา ฮูโฮฮัม กษะสะ โอม ชัมภาลา ลาจา

    ท่านที่เกิดปี มะเส็ง มะเมีย คาถาหัวใจมหาเศรษฐีชัมภล คือ โอม ชัมภาลา จาเลนไนเยน ธะนัม เมธิ หะรี ทากินี ชัมภาลา สะมะภารา สวาห

    ท่านที่เกิดปี วอก ระกา คาถาหัวใจมหาเศรษฐีชัมภล คือ โอม ปัทมะ โกรธะ อรยะ ชัมภาลา หฤทัย หู ผะฏะ

    ท่านที่เกิดปี กุน ชวด คาถาหัวใจมหาเศรษฐีชัมภล คือ โอม ชัมภะละ ชะเลนทะรา เย สวาหา โอม อินทะระ ฌิมขัม ภะระมิ สวาหา
     
     
     
    ติดตามข้อมูลดีๆ ได้จาก http://horoscope.thaiorc.com/

    รองเท้าเสริมราศี


    ใครที่ตัดสินใจเลือกรองเท้านานๆ งานนี้มีตัวช่วยแล้ว เมื่อการเสริมราศีเข้ามามีบทบาทในวงการรองเท้า งานนี้สาวๆ นอกจากจะได้ตัดสินใจเลือกรองเท้าคู่โปรดง่ายๆ ยังได้รองเท้าที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกอีกด้วย...

    สาวราศีมังกร เป็นคนพูดน้อย แต่มีความรับผ...ิดชอบเรื่องงานสูงมาก สาวราศีนี้จึงเหมาะกับรองเท้าคู่เก่งที่ให้ความคล่องตัว เช่นรองเท้าแบนแต๊ด ยิ่งถ้าเลือกหัวมนเหมือนรองเท้าบัลเล่ต์จะยิ่งทำให้ดูน่ารักและมีเสน่ห์ขึ้นอีกเยอะ ไม่ว่าจะใส่คู่กับกระโปรงหรือกางเกงยีนก็ดูดีไปซะหมด สีรองเท้าที่เหมาะ น้ำเงิน ฟ้า น้ำตาล

    สาวราศีกุมภ์ สำหรับสาวชอบเข้าสังคม เป็นคนสนุกสนานเฮฮา และอยากรู้อยากเห็นสิ่งใหม่ๆ อย่างสาวราศีกุมภ์ ถ้าเลือกใส่รองเท้าที่มีลูกเล่นประดับประดาพราวพรายด้วยประกายวิบวับอย่างคริสตัลสี (bejeweled shoes) ก็จะช่วยเสริมให้คุณโดดเด่นเป็นที่สนใจ ไปไหนก็เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของคนรอบข้างอย่างแน่นอน สีรองเท้าที่เหมาะ สีสดๆ เช่นแดงสด ม่วงสด หรือสีเมทัลลิก เช่น เงิน ทอง

    สาวราศีมีน แม้ภายนอกจะดูขี้อายกว่าสาวราศีอื่นๆ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการแต่งตัวสาวราศีมีนทั้งหลายจะยอมน้อยหน้าได้อย่างไร หากคุณเป็นสาวราศีมีนที่กำลังมองหารองเท้าคู่ใหม่ให้ตัวเองอยู่ละก็แนะนำให้เลือกรองเท้าที่มีสายรัดส้น (sling back) หรือแบบไม่มีสายรัด (mule) ก็ได้ แต่ต้องทำจากผ้าซาตินสีหวานๆ เพราะช่วยแสดงความละเอียดอ่อน และโรแมนติกของคุณได้ดี ไม่ว่าจะใส่กลางวันหรือกลางคืนก็ทำให้คุณงามแจ่มบาดใจละไมตามากๆ สีรองเท้าที่เหมาะ สีพาสเทล เช่น ชมพูอ่อน เขียวอ่อน สีน้ำตาลเอิร์ธโทน

    สาวราศีเมษ เรื่องความมั่นใจ ไอเดียบรรเจิดๆ และความซุปเปอร์เทรนด์ของสาวราศีนี้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้ สำหรับรองเท้าคู่โปรดปรานที่ช่วยให้สาวเมษลัคกี้อินเกมและอินเลิฟตลอดกาล ต้องเป็นรองเท้าส้นเล็กแหลมเปี๊ยบ (Kitten heels) ซึ่งเสริมความเป็นผู้หญิงของคุณออกมาอย่างแรงแบบไม่มีใครเกิน สีรองเท้าที่เหมาะ แดงสด ฟ้าสด น้ำตาล

    สาวราศีพฤษภ สาวราศีนี้เป็นนักปฏิบัติ ชอบหาอะไรใหม่ๆ ทำ เข้าข่ายไฮเปอร์ไม่ยอมหยุดอยู่นิ่ง รองเท้าคู่กายที่ขาดไม่ได้ของเธอจึงต้องเน้นประโยชน์ใช้สอย ทนทานและดูแลรักษาง่าย พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ นอกจากบู๊ตแล้ว รองเท้าคัตชูหัวมน (Pumps) ก็เหมาะมากกับสาวพฤษภ ช่วยเสริมให้ดูเป็นคนหนักแน่น มั่นคง ดูเอาจริงเอาจัง สีรองเท้าที่เหมาะ สีดำ น้ำตาล น้ำเงิน แดงเลือดหมู

    สาวราศีเมถุน เพราะเป็นสาวเฟลิร์ตตี้ มีความสมาร์ทปนเซ็กซี่อยู่ในตัว และเปนนักอ่านแมกกาซีนตัวยง ดังนั้นจึงมน่าแปลกใจหาแกสาวราศีนี้จะอัพเดทเกาะติดเทรนด์แฟชั่นอยู่แถวหน้าเสมอๆ ส่วนในที่ทำงานเธอก็ได้ชื่อว่าเป็น Office Queen ด้วยสไตล์การแต่งตัวที่เก๋เริ่ดเกินหน้าใคร แม้สาวราศีนี้จะขาดไม่ได้เลยกับรองเท้าแบรนด์เนมซึ่งต้องมีเก็บไว้ในตู้ แต่หากเป็นรองเท้าทรงหัวแหลมเปี๊ยวดูเพรียวชะลูดก็จะส่งเสริมหน้าที่การงานให้มีอนาคตก้าวไกลได้ สีรองเท้าที่เหมาะ สีฟ้า เขียว เหลือง ดำ

    สาวราศีกรกฎ ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวอาร์ติสต์ชอบทำอะไรตามอารมณ์ รวมถึงเรื่องการแต่งตัวหากเธอได้รับการ์ดเชิญไปงานที่ระบุ dress code ขึ้นมาเมื่อไหร่ สาวกรกฎจะไม่สนใจ ขอใส่แบบที่คิดว่าสวยเด็ดสำหรับเธอเท่านั้น แต่วันไหนสาวราศีนี้อยากลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองบ้าง แนะนำให้เลือกรองเท้าส้น เพราะจะทำให้ดูเป็นสาวนุ่มนวลน่าทะนุถนอมทีเดียวล่ะ สีรองเท้าที่เหมาะ สีน้ำตาล ฟ้า น้ำเงิน เขียว

    สาวราศีสิงห์ เป็นคนชอบแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดอินเทรนด์ตลอดกาล ชนิดที่เรียกว่าเป็นสาวกแบรนด์เนมอันดับต้นๆ ก็ว่าได้ ถ้ามีรางวัลแต่งตัวดียอดเนี่ยม ต้องขอยกตำแหน่งนี้ให้เธอไปครอบครองเพราะไม่ว่าจะหยิบจับอะไรมาใส่ก็มักได้รับคำชมจากคนรอบข้างเสมอๆ รองเท้าที่จะช่วยสร้างเสน่ห์และเสริมส่งความน่ารัก สำหรับสาวราศีนี้ต้องเป็นส้นสูงปรี๊ด (Stiletto) รับรองว่าขาจะดูเรียวเพรียวเซ็กซี่ทุกย่างก้าวที่เดิน แต่ยังไงก็อย่าเพลินกระหน่ำความสูงมากไปละกัน เดี๋ยวปวดหลังแล้วจะหาว่าไม่เตือน สีรองเท้าที่เหมาะ สีแดง ส้ม ทอง เงิน

    สาวราศีกันย์ เซนส์ในการแต่งตัวเป็นคุณสมบัติโดดเด่นของสาวราศีกันย์ ซึ่งมีความสามารถเฉพาะตัวในการ มิกซ์แอนด์แมชท์เสื้อผ้า รองเท้า และกระเป๋าให้เข้ากันอย่างไม่มีที่ติ หากสาวกันย์เลือกใส่รองเท้าสไตล์คลาสสิกยอดฮิต อย่างเช่นส้นสูงไม่มีสายรัด (mule) หรือ เปิดด้านหน้า (open-toed) ก็จะช่วยใหการงานปลอดโปร่งจากปัญหาหรืออุปสรรคมาขัดขวาง ทำอะไรก็ราบรื่น ผ่านฉลุยลูกเดียว สีรองเท้าที่เหมาะ สีเขียวหยก ม่วง น้ำตาล ดำ

    สาวราศีตุล แม้จะให้ความสำคัญกับความเนี้ยบเป็นอันดับหนึ่ง แต่สไตล์การแต่งตัวของสาวราศีตุลก็ยังคงนิยมความเรียบง่ายเข้าไว้ก่อน เพราะยึดอคติว่า less is more คือ ยิ่งน้อยชิ้นเท่าไหร่ยิ่งดีและด้วยบุคลิกเรียบโก้ แน่นอนว่ารองเท้าที่สาวราศีตุลมีไว้เป็นเพื่อนคู่ใจจึงไม่ค่อยมีดีเทลจุกจิกนัก กระนั้นถ้าหากเลือกรองเท้าส้นเตารีด (wedges) มาใส่สักคู่ เพราะจะช่วยนำพาความมั่นคงก้าวหน้ามาสู่ชีวิต มีคนคอยอุปถัมภ์ค้ำจุน พูดจากอะไรก็น่าเชื่อถือ สีรองเท้าที่เหมาะ สีขาว เอิร์ธโทน ฟ้า น้ำเงิน

    สาวราศีพิจิก ลักษณะเด่นของสาวราศีนี้ คือเป็นคนขรึม ชอบใช้ชีวิตอิสระและมีโลกส่วนตัวสูง แม้บางครั้งเจ้าอารมณ์ เอาใจยาก แต่ก็มีข้อดีคือโกรธง่าย หายเร็ว ถ้าใส่รองเท้าแบบเปลือยๆ จะช่วยเสริม ท่วงท่าลีลาการเดิน เปิดทางให้เป็นคนกว้างขวาง มีคนเมตตา คิดจะลงทุนอะไรก็ไม่ติดขัด สีรองเท้าที่เหมาะ สีแดงเข้ม น้ำเงิน ดำ

    สาวราศีธนู เป็นคนช่างแต่งตัว ขี้เล่น และชอบสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ให้ชีวิต ดังนั้นจังไม่มีรองเท้าแบบไหนจะเหมาะกับสาวราศีนี้เท่ากับรองเท้าหนังสีสันชวนเตะตา ที่มาพร้อมกับลกเล่นวัสดุตกแต่งต่างๆ ไม่มว่าจะเป็นโบว์ ดอกไม้ เฟอร์ หรือผ้าพิมพ์ลายกราฟฟิก ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณมีลีลาสวยสง่าทุกโอกาสแล้ว ยังเสริมส่งโชคดีทางด้านการเงินอีกด้วย สีรองเท้าที่เหมาะ สีแดง ม่วง เขียว ชมพู

    หมายเหตุ : เลือกตามราศีแล้วอย่าลืมเลือกตามโอกาสด้วยนะคะ ถ้าจะไปทะเลแล้วต้องใส่รองเท้าส้นสูงปริ๊ด อันนี้ก็ไม่ไหวเด้อ


    ติดตามข้อมูลดีๆ ได้จาก http://thaiorc.com/

    ตัดผมวันไหนดี

     
     
    หากท่านใดกำลังคิดที่จะไปตัดผม เปลี่ยนทรงผม วันนี้เรามีข้อมูลดีๆ สำหรับฤกษ์การตัดผมมาฝากค่ะ ตัดวันไหนดี ตัดไวัไหนไม่ดี ลองดูกัน

    ตัดผมวันอาทิตย์ จะมีอายุยืน
    ตัดผมวันจันทร์ จะหายจากป่วยไข้
    ตัดผมวันอังคาร จะมีเดชอำนาจ
    ตัดผมวันพุธ จะหมดลาภจะมีค...วามทุกข์
    ตัดผมวันพฤหัสบดี จะมีเทพยดารักษาคุ้มครอง
    ตัดผมวันศุกร์ จะมีเสน่ห์คนนิยม
    ตัดผมวันเสาร์ จะเกิดมงคลโชคลาภ

    สรุป ตัดได้ทุกวันเว้นวันพุธวันเดียว เป็นความเชื่อของคนโบราณ แต่ทำตามก็ไม่เสียหายค่ะ
    ติดตามข้อมูลดีๆ ได้จาก http://thaiorc.com/

    ตู้หนังสือทำให้พลังงานในห้องไม่ถ่ายเท



    ตู้หนังสือทำให้พลังงานในห้องไม่ถ่ายเท - ตามห้องที่มีตู้หนังสือและชั้นวางหนังสือตั้งตลอดแนวกำแพง และบางทีอาจมีหนังสือที่เก่าเก็บเป็นสิบปีหรือมากกว่านั้นเป็นที่หมักหมมฝุ่นมาเป็นเวลาหลายปีแล้วด้วย ก็จะทำให้โรคภัยไข้เจ็บก่อตัวขึ้น ห้องเหล่านี้จ...ะมีกลิ่นอับที่เข้าครอบคลุมอยู่ในบรรยากาศ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยที่เข้ามาในห้องเหล่านี้บ่อยๆอย่างแน่นอน

    ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องฟื้นฟูพลังงานภายในห้องหนังสือของบ้านคุณ ด้วยการทำความสะอาดตู้หนังสือเป็นอย่างดี และต้องไม่ให้เกิดการสะสมความอับชื้นหรือฝุ่นขึ้นทุกๆ ปลายปีก็ควรจะทำการย้ายตู้หนังสือจากมุมที่ตั้งออกมา ส่วนชั้นวางหนังสือก็ควร "ชำระล้างด้วยเกลือ" ใช้หินเกลือหรือเกลือทะเลกดเบาๆ บนผ้าเปียกหมาดๆ จากนั้นก็นำผ้าไปเช็ดถูตามชั้นวาง วิธีนี้จะช่วยสลายพลังแห่งความเจ็บไข้ได้ป่วยที่ไม่ดี ซึ่งอาจจะสะสมอยู่ออกไปได้


    ติดตามข้อมูลดีๆ ได้จาก http://thaiorc.com/